สถานการณ์ใหม่“โรคร้าย” โควิด-รัฐบาลใครจะไปก่อน..!?!

วันเสาร์ที่ 09 มกราคม พ.ศ. 2564

 สถานการณ์ใหม่“โรคร้าย”  โควิด-รัฐบาลใครจะไปก่อน..!?!


เริ่มปีใหม่ 2564  “ปีวัวดุ” ประเทศไทยก็ต้องเจอสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า “โควิด-19 กลับมา  ระบาดระลอกใหม่ไล่ขวิดตั้งแต่ต้นปี เรียกว่าตั้งแต่ตอนนับถอยหลัง “เคาต์ดาวน์” สู่ศักราชใหม่ ก็เหมือนกำลังนับถอยหลัง “ล็อกดาวน์” อีกครั้งหากสถานการณ์รุนแรงจนเอาไม่อยู่

การระบาดแบบ Pandemic ของโควิด-19 ระลอก 2 ของประเทศไทยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่มหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร อันเกิดจากแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าเป็นกลุ่มที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ก่อนที่จะกลายเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” แพร่เชื้อโรคไปให้กับผู้อื่น อีกจุดหนึ่งที่กลายเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ก็คือบ่อนการพนันในพื้นที่ภาคตะวันออกทั้งจังหวัดชลบุรี จันทบุรี และที่หนักคือจังหวัดระยองที่ส่งออกเชื้อร้ายไปยังจังหวัดต่างๆ โดยนักพนันจากทั่วสารทิศเป็นตัวการใหญ่

ล่าสุดไวรัสร้ายยังลุกลามทั่วไทย หลายจังหวัดถูกเจาะไข่แดง ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศพุ่งอย่างต่อเนื่องตัวเลขทะลุเกิน 300 คน! ที่สำคัญอย่าลืมว่านี่คือยอดผู้ติดเชื้อที่เป็นผลจากก่อนเทศกาลวันหยุดยาวปีใหม่ แต่ในช่วงวันปีใหม่ แม้จะมีการขอคนไทยงดเดินทาง แต่เมื่อไม่ได้มีการออกคำสั่งห้าม หลายคนก็เดินทางกลับภูมิลำเนาหลังอั้นมาตั้งแต่วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และแน่นอนเมื่อมีการเดินทางเชื้อโควิด-19 ก็เดินทางไปกับเราด้วย

ทำให้คณะแพทย์และนักวิชาการต่างออกมาแสดงความเป็นห่วงและประเมินว่าหลังช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มและลุกลามจากการที่เชื้อเดินทางมากขึ้นกว่านี้ และที่ทำหลายคนผวา หลังผู้เชี่ยวชาญไวรัสระบุว่า “โควิดกลายพันธุ์” จากอังกฤษถึงไทยแล้ว ยังโชคดีที่ขณะนี้อยู่ในความควบคุมเข้มข้นเป็นพิเศษ

ก่อนที่ “โควิด” จะน็อคทุกอย่างของประเทศนี้ ภาครัฐต้องรีบ “ยกการ์ดสู้” ทั้งในระดับภูมิภาคที่รัฐบาลโยนอำนาจไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ผอ.ศบค.จังหวัดสั่งการทยอยออกมาตรการต่างๆ และคำสั่งต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ไต่ระดับไล่ระดับคุมเข้มตามความรุนแรงของพื้นที่

ขณะที่ในภาพรวมระดับประเทศนั้น ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งหัวโต๊ะเสนอ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ยกระดับ 28 จังหวัด “โซนแดง” คุมเข้มโควิดสูงสุด พร้อมให้จำกัดเวลาเปิด-ปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยง และมีมาตรการควบคุมสูงสุด โดยเสนอให้เริ่มใช้มาตรการนี้ตั้งแต่ช่วง 4 ม.ค.- 1 ก.พ.

เรียกได้ว่า สถานการณ์ ณ วันนี้ ไม่ต่างจากการ “ล็อกดาวน์ครึ่งใบ” ท่ามกลางความกังวลถึงการ “ล็อกดาวน์รอบ 2” ที่ทุกคนต้องมองถึงการเตรียมความพร้อม หากต้องล็อกดาวน์ทั่วประเทศจริง

ถือเป็นเรื่องหนักที่ “บิ๊กตู่” ต้องใช้ภาวะผู้นำในภาวะวิกฤติตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อประเมินใช้ยาแรงหลังปีใหม่เพื่อสกัดเชื้อ เหมือนย้อนกลับมาเจอ “ทางสองแพร่ง” ที่ต้องเลือกระหว่างสกัดโรคร้ายไม่ให้ลามกินประเทศกับการใช้ยาแรงแต่เสี่ยง “เศรษฐกิจโคม่า

แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมมีเสียงของประชาชนที่เป็นห่วงประเทศชาติออกมาแสดงความคิดเห็น และที่มาแรงกว่าใครเลยก็คือ “คุณหญิงหน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทยที่โพตส์เฟซบุ๊กเตือนรัฐบาลลุงตู่ว่าอย่าทำผิดซ้ำซาก โดยระบุว่า รัฐบาลต้องเลิกทำผิดพลาดซ้ำซากการสั่ง  LOCK DOWN ให้ประชาชนปิดกิจการ แต่รัฐไม่เร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด เร็วที่สุด เป็นการผลักภาระให้ประชาชนต้องรับกรรมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง รัฐบาลต้องให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจหาเชื้อ COVID ได้ง่ายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และเร่งช่วยเหลือเยียวยาธุรกิจรายย่อย รายเล็ก และรายกลางโดยด่วน การระบาด COVID-19 ทั้ง 2 รอบ ล้วนไม่ใช่เกิดจากความผิดของประชาชน แต่ประชาชนกลับเป็นผู้รับเคราะห์กรรม ทั้งการติดเชื้อและจากพิษเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“..รัฐบาลต้องเลิกทำผิดซ้ำซาก ตั้งแต่รอบแรกก็มีการแพร่เชื้อจากสนามมวยที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทบ. ที่ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการจัดแข่งขันชกมวย  รอบ 2 ก็เกิดจากความบกพร่อง และทุจริตของหน่วยความมั่นคงที่ปล่อยให้แรงงานจากเพื่อนบ้าน ลักลอบเข้าไทย ทั้งที่รู้ว่าเพื่อนบ้านกำลังมีการระบาดอย่างหนัก..

 คุณหญิงหน่อย บอกว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำเร่งด่วนคือ หยุดการกระจายเชื้อให้ได้เร็วที่สุด โดยการควบคุมพื้นที่ระบาด ปิดล้อมห้ามเข้า-ออก 15 วัน แล้วเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด เพื่อให้พื้นที่นั้นๆปลอดเชื้อได้เร็ว ผู้คนจะได้กลับมาทำมาหากินตามปกติได้ ที่สำคัญคือ รัฐบาลต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจหาเชื้อ COVID ได้ง่ายและฟรี

 “..การสั่ง LOCK DOWN ของรัฐบาล โดยบังคับให้ประชาชนปิดกิจการฝ่ายเดียว โดยรัฐบาลไม่เร่งหาผู้ติดเชื้อ และนำตัวเข้าระบบให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด เสมือนเป็นการผลักภาระความยากลำบากให้ประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ประชาชนไม่ได้เป็นคนทำการ์ดตก รัฐบาลเองต่างหากที่การ์ดตก ปล่อยให้แรงงานลักลอบเข้าประเทศไทย จนนำความเดือดร้อนมาให้คนไทยถ้วนหน้า สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำตอนนี้คือการดูแลช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการรายเล็กรายกลางที่ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลการ์ดตก ทำCOVID-19 กลับมาระบาดรอบ 2..” คุณหญิงสุดารัตน์ระบุไว้ในเฟซบุ๊ค

ขณะที่หลายฝ่ายองว่า การรับมือหรือการสร้างข้อห้ามมากมายของรัฐบาล ทั้งการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ หรือแม้กระทั่งคำสั่งอื่นใดก็ตามที่เกินความจําเป็นนั้น จะสร้างความเสียหายค่อนข้างมาก หากย้อนดูโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปีนี้ มีผู้เสียชีวิตจำนวน 64 ราย แต่  “7 วันอันตราย” นับตัวเลขดูมีผู้เสียชีวิตกว่า 260 ราย มากกว่าโควิด-19 ทั้งระลอกที่ 1 และระลอกที่ 2 แต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจนั้นมากกว่าทุกกรณีที่เกิดขึ้น

ดังนั้น ตนเชื่อว่า ข้อห้ามต่างเป็นเหมือนกับงูรัดและสุดท้ายแล้วจะวิวัฒนาการไปสู่คำว่า Lock Down กันอีกครั้ง ซึ่งจะเจ๊งกันแบบถ้วนหน้า แต่หากรัฐประคับประคองความรู้สึกทำความเข้าใจให้อยู่กับเชื้อโควิด-19 เหมือนสมัยโรคซาร์ส หรือแม้กระทั่งโรคเอดส์ที่ช่วงเเรกก็เกิดความวิตก แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะคนก็อยู่กับโรคเหล่านี้ได้

ครั้งนี้ก็เช่นกัน หากรัฐประคับประคองความรู้สึกนั้น ตนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่รู้จักการป้องกันตัวเอง แต่หากรัฐไปใช้มาตรการ เหมือนในครั้งแรก ตนเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจจะพังทุกอย่างแม้กระทั่งตัวรัฐบาลเอง หลายคนคิดว่ามาตรการต่างๆ ทั้งการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ หรือแม้กระทั่งคำสั่งอื่นใดก็ตาม แต่ความเป็นจริงนั้นประชาชนเดือดร้อนทางเศรษฐกิจจำนวนมาก

 หากมาตรการของ ศบค.และรัฐบาลไม่ทำอะไรที่เกินเลย แต่หากมีความสุ่มเสี่ยงก็ว่าไป เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศรู้จักป้องกันตนเอง อย่างไรก็ดีจากสถานการณ์โควิด-19 นี้หากคิดว่าจะเป็นการช่วย “พยุงอายุรัฐบาล”นั้น เมื่อถึงที่สุดแล้วประชาชนทนไม่ได้  เชื่อว่าไม่ช้าไม่นานก็จะมีการลุกขึ้นมา “ล้มรัฐบาล ทำไปทำมา สถานการณ์โควิด-19 จะไปพร้อมกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย

นับเป็นโจทย์หินอีกครั้งของรัฐบาล เพราะไม่ว่าจะเลือกทางใดทางหนึ่งมันก็ส่งผลถึงกันทั้งสิ้น..!?!



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ