ปัจจุบันวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพการป้องกันโรคได้ดีพอสมควร มีความปลอดภัย หลายประเทศและไทยอนุญาตให้ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ได้ แต่ยังไม่สามารถมั่นใจว่าป้องกันได้ 100% และยังไม่รู้จะป้องกันได้นานแค่ไหน ซึ่งวัคซีนเพิ่งออกมาใช้เพียง 3-4 เดือน ยังไม่มีหน่วยงานใดรับรองว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันได้ 100% และป้องกันได้นานเท่าใด
เพราะฉะนั้นการออกวัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) หรือหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนสำหรับเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อไม่ต้องผ่านการกักตัว 14 วันจึงยังมีความสุ่มเสี่ยงอยู่ไม่น้อย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ก.สาธารณสุข กล่าวถึงวัคซีนพาสปอร์ตว่า โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือเป็นโรคติดต่ออันตรายสามารถติดต่อจากการเดินทางข้ามประเทศได้ ในขณะนี้สิ่งที่ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อจากเดินทางประเทศต่างๆ เข้าสู่ประเทศไทยจะต้องกักตัว 14วัน จนพ้นระยะฟักตัวของโรค ถ้าไม่ติดเชื้อก็เข้าสู่ประเทศไทยได้ แต่ก็มีคำถามว่าควรดำเนินการเช่นเดียวกับโรคไข้เหลืองที่เมื่อฉีดวัคซีนแล้วมั่นใจป้องกันการติดเชื้อได้ 100% ก็สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว เป็นแนวคิดน่าสนใจ แต่ ณ เวลานี้ยังไม่มีหลักฐานมากเพียงพอ ที่มั่นใจได้ว่าวัคซีนพาสปอร์ตจะมาทดแทนการกักตัว 14 วันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (IHR2005) มีข้อกำหนดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคระหว่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ WHO ได้รับข้อเรียกร้องจากหลายฝ่ายรวมถึงไทยให้พิจารณาการใช้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือวัคซีนพาสปอร์ต ควรจะจัดการอย่างไร โดย WHO แนะนำว่ายังไม่ควรให้ใช้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือวัคซีนพาสปอร์ตมาใช้ เพราะหลักฐานข้อมูลต่างๆยังไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ว่าคนฉีดวัคซีนแล้วจะไม่แพร่โรคให้คนอื่น ฉีดวัคซีนจะอยู่ได้นานแค่ไหน หรือต้องฉีดซ้ำอีกกี่เข็มอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตถ้าวัคซีนมีประสิทธิภาพดีพอ มีการใช้มากขึ้น การนำวัคซีนพาสปอร์ตมาใช้ก็มีความเป็นไปได้
