“สยามเฮลท์ กรุ๊ป” เผยแผนปี 64 สุดปัง งัดไม้เด็ดจีบ ‘ลิซ่า แบลคพิงค์’ เป็นพรีเซนเตอร์ ดัน ‘เดนทิสแต้’ เจาะ Gen Y พร้อมขยายสู่ตลาดโลก

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

“สยามเฮลท์ กรุ๊ป” เผยแผนปี 64  สุดปัง งัดไม้เด็ดจีบ ‘ลิซ่า แบลคพิงค์’  เป็นพรีเซนเตอร์ ดัน ‘เดนทิสแต้’  เจาะ Gen Y พร้อมขยายสู่ตลาดโลก


เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ สยามเฮลท์กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม เดนทิสเต้ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้วส่งผลให้ยอดขายรวมของบริษัทในไทยปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ตกลงราว -5% เนื่องจากปกติบริษัทจะมียอดขายจากกลุ่มนักท่องเที่ยวราว 10% ของพอร์ต แต่เมื่อมีการปิดประเทศ ทำให้กำลังซื้อส่วนนี้หายไปแต่ในทางกลับกัน ยอดขายในต่างประเทศรวม 25 ประเทศที่มีการส่งออก เติบโต 8% ทำให้ภาพรวมยอดขายทั้งบริษัทปีที่ผ่านมาอยู่ที่เกือบ 4,000 ล้านบาท แต่ทว่าการแพร่ระบาดของโควิด19  ก็ยังคงยาวต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ 2564 ทำให้การแข่งขันในตลาดสินค้ารุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมาตรการคุมเข้มของภาครัฐทำให้กลุ่มลูกค้าหายไปจากช่องทางการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดและตลาดยาสีฟันยังมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่า จากเดิมมีคู่แข่งประมาณ 10 ราย ล่าสุดพุ่งมากถึง 50-60 ราย ทำให้เดนทิสเต้ต้องเน้นกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งหมด  โดยปีนี้มีแผนจะเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไปพร้อมกับการขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ  ด้วย โดยปีนี้ บริษัทได้วางงบลงทุนรวมกว่า 500 ล้านบาท แบ่งออกเป็น งบการตลาดและประชาสัมพันธ์ 400 ล้านบาท และอีก 100 ล้านบาท เกี่ยวกับเพิ่มเครื่องจักรเพื่อผลิตลูกอม Sukkiri by Dentiste’ ที่เดิมผลิตจากญี่ปุ่น ภายใต้การปรับรูปแบบใหม่ของเดนทิสเต้ จากภาพการเป็นยาสีฟันก่อนนอน พลิกคอนเซ็ปต์สื่อสารใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ Dentiste’ Premium Care

ล่าสุด บริษัทจึงได้ทุ่มงบจ้างทีมที่ปรึกษาระดับโลก ผลิตภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “Best Moment” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Dentiste' ปรับรูปแบบใหม่ จากเดิมเป็นยาสีฟันก่อนนอนในหนังโฆษณาชุดเก่า “Bed moment” พลิกคอนเซ็ปต์สื่อสารความเป็นผลิตภัณฑ์ Dentiste' Premium Care “Best Moment ช่วงเวลาดีๆ กับคนรอบข้าง แค่ได้อยู่ใกล้กันก็ทำให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดได้” เพื่อขยายฐานและเดินหน้าพาแบรนด์ Dentiste' เข้าไปในหลายๆ ประเทศ มุ่งสู่ระดับโลกมากขึ้น ผ่านพรีเซนเตอร์คู่รัก ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต และ น็อต-วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์ นอกจากนี้ จะขยายช่องทางการขายรูปแบบออนไลน์และ TV Shopping  ซึ่งประสบความสำเร็จมากในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพราะรูปแบบการขายน่าสนใจ สามารถสร้าง Value สินค้า ทำให้คนซื้อเห็นคุณค่าของสินค้าจริงๆ   สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้ายุคโควิดที่คนอยู่บ้านกันมากขึ้น ดูโทรทัศน์ ใช้อินเทอร์เน็ตและนิยมซื้อของออนไลน์มากขึ้น

อีกทั้งปีนี้ เดนทิสเต้จะมีแผนจะผลิตภัณฑ์ออกใหม่มากสุดในรอบ 15 ปี ไม่ว่าจะเป็น อาทิ  Dentiste’ Anticavity Max Fluoride เป็นยาสีฟันที่แปรงโดยไม่ใช้น้ำ หรือเรียกว่ายาสีฟันฟันแห้ง , ลูกอมดับกลิ่นปาก Mastic Mint, เดนทิสเต้ สูตร CBD หรือมีส่วนผสมของกัญชง ที่คาดว่าจะเปิดตัวได้ช่วงปลายปี ซึ่งขณะนี้ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการผลิตและขออนุญาตพร้อมกันนี้ เรามีแผนจะการขยายกลุ่มลูกค้าไปยัง กลุ่มเจนวาย จากปกติลูกค้าหลักเป็นเจนเอ็กซ์ ร่วมกับเป้าหมายเดิมตั้งแต่ปีก่อนของเดนทิสเต้ที่ต้องการจะเป็น Global Brand เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับโลกมีวางจำหน่ายทุกทวีปทั่วโลก จึงทำให้มีแนวคิดที่จะเลือก ลิซ่า วง BlackPink นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ในไทย โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจา โดยเบื้องต้นต้องการให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ในไทยก่อน เพราะอย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าภาพลักษ์ของ “ลิซ่า” ก็จะทำให้เดนทิสเต้ยกระดับเป็น Global Brand มากขึ้นและจะขยายฐานไปยังลูกค้าไปสู่กลุ่มเจน Y ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ได้อย่างแน่นอน

สำหรับปัจจุบัน ภาพรวมผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลช่องปาก หรือออรัลแคร์ มีมูลค่าประมาณ 18,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 3% ต่อปี โดยกลุ่มยาสีฟัน 10,000 ล้านบาทเป็นเซ็กเมนต์ใหญ่ที่สุด และกลุ่มพรีเมียมมีอยู่ราว 10% และเดนทิสเต้มีส่วนแบ่งอยู่ในเซ็กเมนต์พรีเมียมนี้ โดยปีนี้คาดว่าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากจะมียอดขายเเติบโตขึ้น 25% และตั้งเป้าว่าปีนี้บริษัทจะสามารถสร้างรายได้รวมราว 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก (Oral Care) ประมาณ 45% กลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ประมาณ 45% และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ประมาณ 10%



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ