เจ.ดี.พูลส์ผู้นำนวัตกรรมสระว่ายน้ำ แต่งตัวเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2564

เจ.ดี.พูลส์ผู้นำนวัตกรรมสระว่ายน้ำ แต่งตัวเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ


เจ.ดี.พูลส์ ประกาศความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสระว่ายน้ำ ด้วยคอนเซป "คืนชีวิตใหม่ให้สระว่ายน้ำโดยเทคโนโลยี เจ.ดี.พูลส์" ประกาศแผนธุรกิจ รุกขยายสาขา ทั้งแฟรนไชส์ เปิดโชว์รูมเพิ่ม ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ทั้งในและต่างประเทศ  พร้อมเตรียมสยายปีกก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทมหาชน นำ "เจ.ดี.พูลส์" เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.ดี.พูลส์ จำกัด ผู้นำด้านนวัตกรรมของสระว่ายน้ำ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะเน้นเรื่องการขยายแฟรนไชส์และโชว์รูมตามต่างจังหวัด อาทิ ชลบุรี บุรีรัมย์ น่าน และจังหวัดตามภาคตะวันออก โดยงบลงทุนการขยายสาขาอยู่ที่สาขาละประมาณ 3 ล้านบาท ส่วนงบลงทุนด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยี่ด้านหุ้นยนต์ อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท โดยตั้งเป้าภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มศูนย์บริการและจัดจำหน่ายอีกอย่างน้อย 10 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 22 แห่งใน 20 จังหวัด

นอกจากนี้ ยังมีการบุกเบิกตลาดภาคราชการเข้ามาเสริม โดยมีการสร้างสระว่ายน้ำระดับโอลิมปิกที่จังหวัดศรีอยุธยา รวมทั้งยังมีการขยายตลาดต่างประเทศให้ครอบคลุมในกลุ่มประเทศอาเซี่ยนมากขึ้นเรื่อยๆ และมีการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่หลากหลายขึ้น อาทิ อุปกรณ์หุ่นยนต์ในการสร้างสระว่ายน้ำ ใช้โรบอททำความสะอาดสระ และมีการการฝึกอบรมพนักงานให้มีประสิทธิภาพสูงในเรื่องของให้บริการ รวมทั้งวิศวกรรมที่บริษัทจะพัฒนาขึ้นมา ซึ่งในปีนี้ บริษัทมีนวัตกรรมวัสดุปิดผิวล้ำสมัยด้วยลายหินอ่อน ลายกระเบื้องมิติใหม่ (3D) มีความทันสมัย สวยงาม คงทน สามารถทดแทนกระเบื้องแบบดั้งเดิม  นอกจากนี้ ยังมีระบบสระน้ำแร่โอโซนที่รักษาผิวพรรณและฆ่าเชื้อโรค  รวมถึงนวัตกรรมโครงสร้างสระว่ายน้ำที่สร้างได้อย่างรวดเร็ว แข็งแรง และระบบกรองไร้ท่อที่ดูแลรักษาง่าย ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของเจ.ดี.พูลส์

ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยหรือโครงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทได้จัดโครงการ "คืนชีวิตใหม่ให้สระว่ายน้ำโดยเทคโนโลยี เจ.ดี.พูลส์"  เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ ด้วยการใส่ความสดใสคืนกลับให้สระว่ายน้ำที่หมดการรับประกันแล้วหรือชำรุดทรุดโทรม  รวมถึงสระคอนกรีตที่มีปัญห อาทิ กระเบื้องร่อน ท่อน้ำรั่วซึม ด้วยเทคโนโลยีของบริษัท สามารถปรับปรุงสระเก่าให้กลับมาสวยงามเป็นสระสมัยใหม่มีชีวิตได้อีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและนวัตกรรมของบริษัท ด้วยราคาที่เป็นมิตรและใส่ใจในปัญหาทุกรายละเอียด

ด้านผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา มีการเติบโตเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในปีนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จากการที่มีวัคซีน จึงคาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตดีขึ้น โดยมูลค่าตลาดรวมของบริษัทจากการขายสระว่ายน้ำ อุปกรณ์ และระบบสระว่ายน้ำ เติบโตขึ้นมาสู่ระดับ 1,000 ล้านบาทต่อปี ถึงแม้ในปี 2563 ที่ผ่านมา จะต้องเผชิญกับภาวะการระบาดของโควิด-19  แต่บริษัทยังสามารถรักษามูลค่าตลาดไว้ได้ในระดับ  950 ล้านบาท  และในปี 2564 แม้จะมีการระบาดรอบสอง แต่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์และทีมการตลาดของบริษัท จึงตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท

"ตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา บริษัทถือได้ว่าประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจตลาดสระว่ายน้ำ โดยสามารถจำหน่ายสระว่ายน้ำไปได้แล้วรวมกว่า 16,500 สระ ทั้งสระประเภทไลเนอร์และไฟเบอร์กลาส ผ่านเครือข่ายการตลาด 22 แห่งในประเทศไทย และอีก 7 แห่งในต่างประเทศ ส่วนแผนขยายธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ได้กำหนดทิศทางมุ่งเปิดตลาดภาคราชการ เพื่อต้องการยกระดับมาตรฐานสระราชการทั่วประเทศให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย เทียบเท่ายุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลีย" นายธนูศักดิ์ กล่าว

สำหรับในเรื่องของงบประมาณที่ใช้ในการลงทุนนั้น ส่วนใหญ่มาจากเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงานของบริษัท และมีบางส่วนที่ยังต้องพึ่งพาสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกเบี้ยถูก โดยส่วนหนึ่งมีความตั้งใจที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มานานแล้ว เพียงแต่ยังต้องทำกิจกรรมในด้านบัญชี ต้องนำบริษัทในเครือมารวมกัน ทำให้ต้องใช้เวลาในการทำระบบบัญชีใหม่ โดยปัจจุบันใช้ผู้สอบบัญชีในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว และอยู่ระหว่างการทำระบบโปรแกรมบัญชีที่เหมาะสม ให้ครอบคลุมทางด้านต้นทุนให้ครบถ้วน และมุ่งเน้นไปที่ยอดขาย ให้ตัวเลขอยู่ในระดับที่เหมาะสม ดูดี และมีความเข้มแข็งทางการเงินมากกว่านี้ โดยคาดว่าน่าจะประมาณ 3  ปีที่จะถึงนี้ น่าจะมีโอกาสนำบริษ้ทเข้าจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ โดยหลังจากที่ระบบบัญชี้เรียบร้อย จากนั้นจะมีการเจรจากับทางบริษัทที่เป็นปรึกษาทางการเงินเข้าให้เข้ามาร่วมในการตัดสินใจ ซึ่งก็มองไว้หลายบริษัท ต้องอาศัยการเจรจามากว่านี้ เพราะต้องยอมรับว่า ทาง เจ.ดี.พูลส์ ไม่มีความเชี่ยวชาญทางด้านตลาดทุน

"บริษัทวางเป้าหมายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากวงจรของธุรกิจกำลังเติบโตเป็นสินค้าที่เป็นที่สนใจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการบริการหลังการขายที่ดีอย่างต่อเนื่องในทุกสระที่สร้างขายไป  จึงเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ยั่งยืน ดังนั้น บริษัทนี้จึงไม่ควรเป็นโมเดลแบบธุรกิจครอบครัว  ต้องยกระดับเป็นบริษัทมหาชน มีมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการให้มีมาตรฐาน มีความโปร่งใส ไว้วางใจได้ นี่คือวิสัยทัศน์ของการสร้างความยั่งยืนให้แก่ลูกค้าและองค์กร” นายธนูศักดิ์ กล่าว



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ