Toggle navigation
วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ปลดเกียร์ว่าง...เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ!
ปลดเกียร์ว่าง...เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ!
วันจันทร์ที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2557
Tweet
สยามธุรกิจวิเคราะห์
หลังทำรัฐประหารยึดอำนาจมาครบ 7 วัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยความในใจผ่านโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า การตัดสินใจยึดอำนาจครั้งนี้ทำเพื่อคืนความสุขให้ประชาชนคนไทยทั้งชาติ รวมทั้งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วน ยุติความรุนแรงด้วยการใช้อาวุธสงครามเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงถึง “โรดแมปประเทศ ไทย” ว่าจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ช่วงแรกของการควบคุมอำนาจจะดำเนินการเรื่อง “ปรองดองสมานฉันท์” ในระยะเวลา 2-3 เดือน
ระยะที่ 2 จะเป็นการใช้ “รัฐธรรมนูญชั่วคราว” จัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ, สรรหานายกรัฐมนตรี, ตั้งคณะรัฐมนตรี, ร่างรัฐธรรมนูญ, ตั้งสภาปฏิรูป เพื่อปฏิรูปแก้ไขทุกเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องการและเป็นที่ยอมรับ โดยคาดว่าจะใช้เวลา 1 ปี มากกว่าหรือน้อยกว่าก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ระยะที่ 3 การ “เลือกตั้ง” ตามระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ที่ทุกพวกทุกฝ่ายพอใจ กฎหมายทันสมัยทุกด้าน กฎระเบียบกติกาต่างๆ ได้รับการแก้ไข ได้คนดี สุจริต มีคุณธรรมมาปกครองบ้านเมือง
ที่เร่งด่วนคู่ขนานกันไป กับภารกิจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของคสช.ก็คือการ “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” ให้ไปข้างหน้า เห็นได้จากการแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจที่มีความสามารถทั้ง “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล, ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี โดยมีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้า คสช. หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ประกาศ “โรดแมปเศรษฐกิจ” ตั้งเป้าดันจีดีพี โตให้ได้ 3%!
ทีมเศรษฐกิจของคสช.ได้จัดอันดับความสำคัญก่อนหลังในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเริ่มต้นด้วยการเร่งหาเงินมาจ่ายหนี้ชาวนา 9.2 หมื่นล้านบาท จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าไปหมุนในระบบเศรษฐกิจหลายๆ รอบอย่างน้อยๆ ก็ 4-5 แสนล้านบาท
การเร่งแก้ปัญหาภาคธุรกิจ SMEs ซึ่งปิดกิจการไปแล้วเกือบๆ แสนราย จะช่วยแก้ปัญหาคนตกงานได้นับแสนคนแต่ที่เป็น “ไฮไลต์” คือ เร่งเบิกจ่ายงบฯ ปี 2557 “ค้างท่อ” ที่จะต้องเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายให้มากที่สุดโดยเฉพาะงบการลงทุน พร้อมกับเร่งจัดทำงบฯ ปี 2558 ประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท ที่ชะลอมากว่าครึ่งปีให้ทันใช้ในปีงบประมาณนี้
“โรดแมปเศรษฐกิจ” ระยะเร่งด่วน จะประกอบด้วย ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะเดียวกันให้ตรึงราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ภาคครัวเรือนไว้ที่ 22.63 บาทต่อกิโลกรัม ออกไปไม่มีกำหนด และให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไว้ที่ 7% อีก 1 ปี พร้อมเร่งปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการเร่งด่วน คือ “โครงการประกันภัยข้าวนาปี 2557” โดยเตรียมวงเงินไว้สำหรับจ่ายค่าเบี้ยประกัน และจ่ายค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้น และให้เร่งลงทุนขับเคลื่อน “โครงสร้างพื้นฐาน” รถไฟฟ้า รางรถไฟ และถนน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมด่วนเพื่อหาแนวทางขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงพัฒนา “พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน” ทั้งไทย-มาเลเซีย ไทย-ลาว ไทย-พม่า อย่างเป็นรูปธรรมให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ยังให้ขับเคลื่อนโครงการเร่งด่วน เช่น “การค้ำประกันสินเชื่อ” ให้ผู้ประกอบการ SMEs โอท็อป และไมโคร เพื่อให้นักลงทุนเกิด “ความเชื่อมั่น” และให้ผลักดันสินเชื่อที่อยู่อาศัยผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายละ 1.5 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1-3 ปี คงที่ 4.125% และเร่งแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
ในขณะที่ภาคธุรกิจเองก็ขานรับเต็มที่โดยเฉพาะคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ได้จัดทำข้อเสนอไปยังคสช.ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือธุรกิจ SMEs และเรียกความเชื่อมั่นที่มีต่อประเทศไทยให้กลับคืนมาคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเร่งรัดในการออกพ.ร.ก.ขยายเวลาการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาออกไปอีก 2 ปี
เร่งรัดการแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ด BOI) ซึ่งขณะนี้ยังมีเงินลงทุนที่รอการพิจารณาอีก 6.6 แสนล้านบาท สำหรับใช้ในโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญ
ส่วนมาตรการช่วยเหลือ SME นั้น เนื่องจากขณะนี้ผู้ประกอบการ SME มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง ซึ่ง กกร.เห็นว่าการปล่อยสินเชื่อให้ถึงมือผู้ประกอบการที่เร็วที่สุดคือการปล่อยสินเชื่อผ่านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะมีการจัดหาสถาบันการเงินระหว่างประเทศเพื่อเข้าร่วมประกันสินเชื่อกับบรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) เพื่อให้สามารถเพิ่มระดับการค้ำประกันจากเดิมที่ค้ำประกับความสูญเสียจากโครงการ บสย.ที่สูงสุดที่ 18% มาเป็น 50%
ในส่วนของการ “สร้างความเชื่อมั่น” ต่อประเทศไทยมองว่าจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับนักลงทุน และนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กลับมา ซึ่งภาคเอกชนไทยจะนำคณะไปเยือนประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมประชุม เช่น การประชุมเจรจาธุรกิจการค้าการลงทุนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยด้วย
การออกนโยบายรวดเร็ว รวมทั้งการร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะข้าราชการที่จะเป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมาก จะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากเอกชน นักลงทุนไทยและต่างชาติ รวมทั้งประชาชนทั่วไปได้
วันนี้ข้าราชการที่เคยเกียร์ว่าง ต้องเปลี่ยนเกียร์เร่ง เดินหน้ากันคึกคัก...อย่าให้ “ท่าดี ทีเหลว” ก็แล้วกัน…!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ถอดรหัส !! ปรากฏการณ์ “เจนนี่ ได้หมดถ้าส...
...
AI Search คืออะไร? ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้อง...
...
เลือกต่อเติมกันสาดอย่างไรให้ตอบโจทย์การใ...
...
ชวนอ่าน ! ทรัพย์สินทางปัญญาหมายถึงอะไร...
...
5 เทรนด์อนาคตพลังงาน สร้างความมั่นคง-ลด ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ