เกษตรไทยไอเดียเก๋ สร้างสวนไผ่แบบหนังจีน เพิ่มรายได้ เพิ่มโอโซน

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

เกษตรไทยไอเดียเก๋ สร้างสวนไผ่แบบหนังจีน เพิ่มรายได้ เพิ่มโอโซน


“ไผ่” เป็นสินค้าเกษตรทางเลือกที่มีอนาคต (Future Crop) เนื่องจากไผ่มีคุณประโยชน์เพื่อบริโภคและใช้สอยอย่างหลากหลาย สามารถจำหน่ายเป็นกิ่งพันธุ์ หน่อ ลำ และ แปรรูปเป็นสินค้าอุปโภคและอาหารสัตว์           

ไผ่ที่เกษตรกรนิยมปลูกคือ สายพันธุ์กิมซุง ปักกิ่ง ไผ่รวกหวาน และ ซางหม่น เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่เจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง สามารถตัดชำกิ่งขยายพันธุ์ หน่อไม้มีรสชาติดี เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต สร้างรายได้ตลอดทั้งปี

“ถาวร ปลายกระสินธุ์” เกษตรกร ต.หนองโสน อ.เมือง จ.ตราด เป็นอีกผู้หนึ่งที่หันมาปลูกไผ่ เนื่องจากมองว่าเป็นพืชที่มีอนาคต และการแข่งขันน้อย เริ่มต้นมาประมาณปีกว่า ลงไผ่ชุดแรก 1 พันต้น กำลังจะลงอีก 2 พันต้น ในพื้นที่ 26 ไร่ ทำในรูปแบบเศรษฐกิจสวนผสมปลูกร่วมกับยางพารา คือตรงกลางทำเป็นสวนไผ่ และมีต้นยางพาราอยู่รอบนอก

“สาเหตุที่ผมหันมามาปลูกไผ่ เพราะมองเห็นอนาคตว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ โดยศึกษาจากยูทูปแล้วมาวิเคราะห์ พิจารณากับสภาพอากาศในปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาโลกร้อน ไม่สามารถควบคุมธรรมชาติได้ ฝนตกไม่ตามฤดูกาล แต่ไผ่สามารถอยู่ได้ ก็เลยคิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าหันมาปลูกไผ่”

ไผ่ที่คุณถาวรปลูกคือ “ไผ่ซางหม่น” เนื่องจากเป็นไม้เนื้อแข็ง นำไปทำสารพัดประโยชน์ เลี้ยงหอยก็ได้ ค้ำทุเรียนก็ดี ทำเฟอร์นิเจอร์ ทำนั่งร้านก่อสร้าง ทำไมจิ้มฟัน ไม้เสียบไก่ บ้านเรือน อาคารขนาดใหญ่ ไปจนถึงเครื่องบินกันเลยทีเดียว

“ผมคิดเพียงว่าในภาคตะวันออกปลูกทุเรียนกันมาก ถ้าเราไปปลูกตามเขาก็จะต้องลงไปแข่งขันกันในตลาด เลยฉีกแนวมาปลูกไผ่ เพราะมองว่ายังไงก็ต้องขายได้อยู่แล้ว คิดง่ายๆสวนทุเรียนต้องการไม้ไผ่ค้ำต้นละ 20 ลำๆละ 80 แต่ละสวนสั่งกันครั้งละเป็นคันรถ บางปีมีพายุก็ต้องใช้ไม้ไผ่บังลม โดยการปลูกไผ่ซางหม่นใช้เวลาประมาณ 3-5 ปีจึงขายผลผลิตได้ แต่ปรากฏว่าคุณถาวรมีรายได้ตั้งแต่ปีแรกที่ลงมือทำ"

“ผมซื้อพันธุ์มาปลูกล็อตแรก 1 พันต้น ปลูกมาแล้ว 1 ปี ปีที่ 5 ถึงจะขายลำได้ก็จริง แต่ผมมีรายได้จากไผ่แล้วนะ มีรายได้จากการขายพันธุ์ คือ 2 พันต้นที่ผมสั่งมาลงเพิ่ม คนนั้นก็มาขอแบ่ง คนนี้มาขอแบ่ง 100 ต้นบ้าง 200 ต้นบ้าง เกิดรายได้ขึ้นมา เพราะคนที่เขาสนใจก็มาสั่งพันธุ์จากเรา ทำให้มีรายได้จากตรงนี้ ผมสั่งพันธุ์มาต้นละ 60 บาทเอามาเลี้ยงสักพัก ดูแล รดน้ำ ขายต่อ 70-80 บาท ส่งถึงที่ อีกส่วนหนึ่งเราก็เอาไปปลูก เป้าหมายใหญ่ของผมคือหลัง 3 ปีจะทำพันธุ์ขาย จากเดิมที่เราสั่งซื้อมาต้นละ 60 บาท ถ้าเราทำเอง ทำพันธุ์ขยายเอง ไผ่ต้นหนึ่งมี 10 ตา เท่ากับผลิตต้นกล้าได้ 10 ต้น กอหนึ่งมี 5 ลำ เราทำลำละ 10 ต้น รายได้ไม่น้อยนะ แถมทำให้โลกเย็นด้วย นอกจากการพัฒนาพันธุ์ขายแล้ว ก่อนไผ่จะโตเต็มที่ยังขายหน่อได้อีก ประมาณ 2-3 ปีเราตัดหน่อขายได้ กิโลกรัมละ 25-30 บาท ยิ่งหน้าแล้งยิ่งแพง”

ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ การปลูกไผ่ของคุณถาวรไม่ได้ปลูกแบบสะเปะสะปะ แต่มีการวางรูปแบบการปลูกเว้นระยะห่างอย่างเป็นระเบียบ โดยจินตนาการว่าเมื่อไผ่โตเต็มวัยจะมีความร่มรื่นและสวยงาม แบบที่เห็นในหนังจีนกันเลยทีเดียว

“การปลูกไผ่เราจะใช้คนงานตัดแต่งกอให้สวย ปลูกเป็นแนวตรง ไม่แน่นเกินไป ถ้าแน่นเกินไปโตเต็มที่จะไม่สวย และจะไม่ค่อยแตกหน่อ ดังนั้นเวลาที่ขึ้นมาแล้วเราจะต้องพยายามตัดหน่อออกไปขายก่อน เพื่อที่จะมีรายได้ คือเอาหน่อแน่นๆออก  กอหนึ่งเก็บเอาไว้สัก 10 ต้น ไม่แน่นมาก เวลาขึ้นมาจะเป็นแนวสวยแบบหนังจีน ถ้าเราวางรูปแบบไว้ก็สามารถทำได้ เมื่อไผ่ขึ้นไปปลายชนกันข้างล่างเตียนโล่ง ผมอยากจะทำเป็นแบบนั้น”

ขณะที่การดูแลไผ่ก็ไม่ยาก แค่ขุดหลุม ใส่ปุ๋ย 1-2 ครั้ง พอรากจับดินก็ไม่ต้องไปทำอะไรแล้ว ใบร่วงลงมาก็กลายเป็นปุ๋ย รากทำให้ดินฟู ยิ่งเป็นปุ๋ยอินทรีย์ พื้นที่ตรงนั้นก็ยิ่งเป็นดินที่ดี

กระนั้นก็ตาม ตอนคุณถาวรเริ่มต้นหันมาปลูกไผ่ บางคนไม่เชื่อว่าจะไปรอด

“ตอนเริ่มต้นก็มีคนพูดว่า ถาวรมันบ้า ปลูกแต่ไผ่ เราฟังแล้วก็ขำ ไม่เป็นไร บ้าแล้วมีรายได้ แค่คิดแล้วลงมือทำเท่านั้นเอง”

ที่เด็ดไม่แพ้กันคือการนำไผ่ไปทำเป็นถ่านชาร์โคล

คุณถาวรกล่าวถึงนวัตกรรมถ่านอัดแท่งชาร์โคลว่า มาจากความรู้รอบตัว ดูผ่านยูทูปบ้าง เก็บเล็กเก็บน้อย ลองลงมือทำ โดยการนำผลผลิตจากสวนมาเป็นวัสดุ พวกทุเรียนเล็กๆ มังคุด ใบมังคุด กิ่งมังคุด ไผ่ นำไปตากแห้ง จนความชื้นหายไป แล้วนำไปอบเป็นถ่านชาร์โคล นอกจากจะมีประโยชน์แล้ว ยังไม่มีวัสดุเหลือทิ้งอีกด้วย

ถ่านชาร์โคลสามารถดูดกลิ่นได้ นำไปใช้เป็นสีผสมอาหาร เช่น ทำขนมเปียกปูน เป็นต้น เอาไปใส่แจกันหรือภาชนะสวยๆ แล้วนำไปไว้ในห้องนอนเพื่อดูดกลิ่น หรือทิ้งไว้ในตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น และในรถ เพื่อช่วยลดกลิ่นอับต่างๆ และช่วยดูดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เหมาะสำหรับคนที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ

“ผมเคยเห็นในงานแสดงสินค้ามังคุดชาร์โคลขายลูกละ 175 บาท เขาซื้อไปตั้งหน้ารถ ดูดกลิ่นในตู้เย็น บางคนนำฝักข้าวโพด มังคุด ทุเรียนลูกเล็กๆ มาเผาเป็นถ่านชาร์โคล เอาไปใส่แจกัน ฝรั่งมาเห็นก็ชอบ ขายราคาเป็นพัน”

สำหรับการอบถ่านชาร์โคล ใช้ความร้อนประมาณ 600-1,000 องศาเซลเซียส เพื่อทำให้กรอบและไล่ความชื้นจากเนื้อไม้ออกไปให้หมด เป็นนวัตกรรมจากของที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาประยุกต์ให้เป็นของที่มีประโยชน์ขึ้นมา และเพิ่มมูลค่าให้ด้วย ในอนาคตไผ่ยังสามารถนำมาทำเป็นถ่านที่มีความแรงสูง และสามารถนำไปทำเป็นไส้ที่กรองน้ำได้ ปัจจุบันขายกิโลกรัมละ 800 บาท โดยการนำเอาไผ่ที่ได้มาโม่เป็นผงแล้วเอาไปกรองน้ำ

ส่วนวัสดุที่ขายดีที่สุดคือ กะลา ซึ่งเป็นกะลาที่ทุกคนทิ้งหรือบางคนขายถูกๆ กิโลกรัมละ 1-2 บาท ซื้อแล้วนำมาเผา ขายในกิโลกรัมละ 25 บาท ทำเป็นถุงๆละ 10 กิโลกรัม มีคุณสมบัติพิเศษคือปลอดสารพิษ ไม่มีสารก่อมะเร็ง คุณสมบัติของถ่านชาร์โคลยังสามารถนำไปทำถ่านอัดแท่งที่ใช้สำหรับปิ้งย่าง โดยการนำไปฝนเป็นผงถ่านร่อน แล้วนำไปฝนกับแป้งเปียก ก่อนนำมาเข้าเครื่องอัดเป็นแท่ง เหมือนน้ำแข็งหลอด ติดไฟได้ประมาณ 3 ชม. ถ้าใช้ไม่ถึง สามารถเก็บไว้ใช้ต่อได้ โดยนำไปใส่โถแล้วปิดฝาไว้ ไม่ให้ออกซิเจนเข้า เพื่อเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไป ซึ่งจะยังคงอยู่ในรูปอัดแท่งเหมือนเดิม

“ผมอยากถ่ายทอดโอกาสทางการตลาดของถ่านชาร์โคลให้กับเกษตรกร หรือผู้สนใจทั่วไปที่อยากนำไปต่อยอดสร้างอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว ชุมชน และ สังคม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตยิ่งๆขึ้นไป” คุณถาวร กล่าว

สำหรับคติประจำใจคุณถาวรที่อยากฝากไปถึงทุกคน โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในช่วงโควิด-19 ระบาดก็คือ การเกษตรจะทำให้เราอยู่รอดได้ ไม่ว่าจะมีวิกฤติหนักหนาแค่ไหนก็ตาม เช่น ปลูกกล้วยก็ขายได้ตั้งแต่ใบ หัวปลี จนถึงผลกล้วย ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็ขายได้หมด ขอเพียงแค่คิดแล้วลงมือทำทันที ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง”

นั่นคือเกษตรกรตัวอย่างที่เรานำมาฝากกัน

 

 

              

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ