นายซัมเมอร์ ลิน ประธานผู้บริหารร่วม (Co-CEO) ร็อก สเปซ ประเทศไทย กล่าวว่า ในปัจจุบันพบว่ามีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ในประเทศไทยมากกว่า 30 รุ่นทุก ๆ เดือน ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านขายสมาร์ทโฟนและร้านตู้ทั่วไปต้องรับภาระในการสต๊อกสินค้าประเภทฟิล์มกันรอยเป็นจำนวนมากเพื่อให้สามารถรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่นำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ มาติดฟิล์มอยู่ตลอดเวลา ล่าสุด เราจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “เครื่องตัดฟิล์มอัจฉริยะรุ่น ZC1”   (Smart Plotter ZC1) ต้นตำหรับเครื่องตัดฟิล์มอัจฉริยะมาตรฐานโลก ชูจุดเด่นเครื่องตัดฟิล์มที่คุ้มที่สุดในตลาดตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งสำหรับร้านขายสมาร์ทโฟนและลูกค้าทั่วไป ด้วยการอัปเดตฐานข้อมูลสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แบบเรียลไทม์ผ่าน Wifi และความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำ

“เครื่องตัดฟิล์มอัจฉริยะรุ่น ZC1 สามารถแก้ปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการ หมดปัญหาเรื่องเงินจมไปกับการสต๊อกของ และสามารถช่วยลดมลภาวะได้เนื่องจากสต๊อกคงค้างมักจะต้องถูกนำไปกำจัดโดยการเผาทำลาย จุดเด่นของเครื่องตัดฟิล์มอัจฉริยะรุ่น ZC1 อยู่ที่มาตรฐานของตัวเครื่องที่ได้รับการยอมรับจากหลากหลายประเทศทั่วโลกและได้รับการไว้วางใจจากผู้ประกอบการในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และจากแบรนด์สมาร์ทโฟนชื่อดังระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Apple Samsung Huawei Oppo Vivo Xiaomi ที่พร้อมส่งข้อมูลดีไซน์และขนาดของตัวเครื่องสมาร์ทโฟนมาให้กับแบรนด์ในแบบ Real Time ทำให้ผู้ประกอบการสามารถตัดฟิล์มรองรับผู้บริโภคได้ตั้งแต่วันแรกที่มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่เครื่องตัดฟิล์มทั่วไปในประเทศไทยไม่สามารถทำได้

อีกทั้ง ในปัจจุบันเครื่องตัดฟิล์มอัจฉริยะรุ่น ZC1  สามารถรองรับการตัดฟิล์มให้แก่สมาร์ทโฟนได้มากกว่า 13,000 รุ่น ทั้งยังสามารถรองรับสมาร์ทโฟนที่มีจอโค้งซึ่งฟิล์มแบบเก่าไม่สามารถรองรับได้อีกด้วย และไม่เพียงแต่สมาร์ทโฟนเท่านั้นเรายังมีข้อมูลรองรับสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Tablet Laptop กล้องดิจิทัล Smart Watch เป็นต้น”

ทั้งนี้ ในปัจจุบันตลาดฟิล์มกันรอยในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 900 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะเติบโตตามอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน สำหรับการแข่งขันของเครื่องตัดฟิล์มอัจฉริยะนับว่ายังมีการแข่งขันที่ไม่สูงมากแต่เชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีกำลังซื้อสูง เพราะตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี และผู้บริโภคในประเทศไทยก็ให้ความสำคัญกับการติดฟิล์มกันรอยให้กับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในปีนี้เราคาดหวังจะเติบโตเพิ่มขึ้น 500% ภายในปีนี้ หรือตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ปีละ 100 ล้านบาท

นอกจากนั้นยังจะสามารถช่วยผู้ประกอบการกว่า 5,000 แห่งขจัดปัญหาการแบกรับต้นทุนในการสต๊อกฟิล์มของผู้ประกอบการ และตั้งเป้าที่จะช่วยประเทศไทยให้สามารถลดจำนวนฟิล์มที่จะกลายมาเป็นขยะเหลือใช้ให้ได้ปีละ 1 ล้านแผ่น”