ผ่านพ้นและประสบความสำเร็จอีกปีหนึ่ง มหกรรมสินค้าสหกรณ์ ปี 2556 ภายใต้ชื่อ "สหกรณ์สร้างเศรษฐกิจอาเซียน" ซึ่งจัดขึ้นที่สวนอัมพร ระหว่าง 24-28 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยปีนี้มีร้านสหกรณ์หลากหลายผลิตภัณฑ์เข้าร่วมงานถึง 335 สหกรณ์จากทั่วประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมชมงานประมาณ 20,000 คน ดันยอดจำหน่ายสินค้าได้กว่า 20 ล้านบาท และที่สำคัญมียอดการเจรจาสินค้ากว่า 3,000 ล้านบาท
ในปีนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เชิญ 9 ประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน นำสินค้ามาร่วมจำหน่ายด้วย ซึ่งได้รับความสนใจและจำหน่ายหมดเกือบทุกวัน ขณะที่สินค้าไทยที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ ยางพารา และข้าวสาร
พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ได้ยกพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวที่ได้พระราชทานในโอกาสที่ผู้นำสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม และสหกรณ์ประมงทั่วประเทศ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิตดาลัย เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2524 ความว่า "ถ้าชนใดที่ไม่เบียดเบียนกัน ก็กลับเป็นการ ช่วยซึ่งกันและกัน เมื่อช่วยซึ่งกันและกันแล้ว ก็ทำให้แต่ละคนมีกำลังแข็ง แกร่งขึ้น ฉะนั้น งานของสหกรณ์ จึงหมายความว่า การร่วมกระทำนี้ จะต้อง ทำด้วยความรู้ และทำด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน ถ้าได้อย่าง นี้เป็นหลัก ก็เชื่อว่า งานของสหกรณ์จะยิ่งก้าวหน้าขึ้นไป" ถ้าได้ยินพระราชดำรัสที่พระองค์ทรงพระราชทาน การกระทำที่มีความรู้ การกระทำที่มีความซื่อสัตย์ สุจริต เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน คือหัวใจของสหกรณ์
"เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้ความสำคัญในการพัฒนาสหกรณ์ไทย โดยการส่งเสริมเผยแพร่ แนะนำ ให้ความรู้เกี่ยวกับหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ แก่สมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และประชาชนทั่วไป ซึ่งมีการส่งเสริมสนับสนุน และพัฒนาระบบสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง เช่น การพัฒนาการเรียนรู้ เพิ่มขีดความสามารถในด้านการดำเนินธุรกิจสหกรณ์ บริหารจัดการสหกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ คิดว่าเรื่องสหกรณ์ เป็นประโยชน์สำหรับประชาชนคนไทย ควรมีการขยาย ให้แพร่หลาย โดยทุกสหกรณ์ประเภท เช่น การเกษตร ออมทรัพย์ ร้านค้า มีสมาชิก 10 ล้านกว่าคน ถ้าสมาชิกมีความสามัคคี ซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน มีความรู้ ความเข้าใจ ดำเนินการตามหลักการสหกรณ์ กิจการสหกรณ์จะสามารถเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง ปัจจุบันบางสหกรณ์มีการดำเนินกิจการโดยไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่สุจริต ส่งผลให้กิจการสหกรณ์ล้มเหลว" พลอากาศ เอกชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ได้กล่าวไว้
ขณะที่นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า การจัดงาน ในครั้งนี้ เป็นภารกิจต่อเนื่องของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการส่งเสริมและสนับสนุนการดำ-เนินกิจการของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในความรับผิดชอบ ให้เป็นไปตามหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการสหกรณ์ ช่วยเหลือและเอื้ออาทรต่อสังคม ปัจจุบันนี้ขบวนการสหกรณ์ไทยมีสมาชิกกว่า 10 ล้านคน ครอบคลุมทุกกลุ่มสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร พนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน หรือผู้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ต่างก็เป็นสมาชิกสหกรณ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง
ในสถานการณ์ที่การเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกรุนแรงมากยิ่งขึ้น การรวมกลุ่มของประชาชนที่มีความเข้มแข็ง ในรูปแบบการบริหาร จัดการตามระบบสหกรณ์ จะช่วยลดกระแสความรุนแรงของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว อีกทั้งในปี 2558 การเปลี่ยน แปลงระบบเศรษฐกิจและสังคมของประชากรอาเซียน มีความเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากจะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ขบวนการสหกรณ์ไทยจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการกระชับความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีสมาชิกรวมกว่า 600 ล้านคน รวมทั้งผลกระทบในด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน
ในการจัดงานครั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังได้รับทราบถึงจุดอ่อน ที่ได้รับการคอมเมนต์จากประเทศต่างๆ คือการสื่อสารด้านภาษา ส่งผลให้การเจรจาซื้อขายสินค้าไม่สะดวก ซึ่งเป็นจุดอ่อนหนึ่งที่กรมฯ จะต้องเร่งเข้าไปดำเนินการแก้ไข แต่ผลการประเมินโดยภาพรวมถือ ว่าประสบผลสำเร็จ ที่จะเกิดความร่วมมือในการเรียนรู้ซึ่งกันและกันเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เห็นในงานมหกรรมสินค้าสหกรณ์ คือสินค้าสหกรณ์ที่ตั้งบูธใกล้กัน หรือคนละประเภทกัน เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้ากัน เช่น จังหวัดลำปาง อยู่ใกล้จังหวัดตราด ซึ่งตราดได้เจรจานำผลไม้แลกเปลี่ยนกับสินค้าหัตถกรรมกับลำปาง ถือเป็นผลสำเร็จที่จะนำไปสู่การขยายความร่วมมือต่อไป
โดยเฉพาะสินค้ายางพารา และข้าวสาร ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ทั้งนี้จากการประเมิน พบว่าประชาชนที่เข้ามาร่วมงานมีความต้องการ 2 ลักษณะ คือต้องการสินค้าราคาที่ระดับไม่สูงเกินไปต่อหน่วย เช่น ผ้าไหม ถ้าราคาเกินผืนละ 3,000 บาทขึ้นไป จะมีปัญหาในการจำหน่าย และจากการจำหน่ายสินค้าครั้งนี้ พบว่า สินค้าบางกลุ่มผู้ซื้อต้องการจำนวนมาก แม้ว่าราคาชิ้นเป็นแสนบาท ก็ยังสา-มารถจำหน่ายได้ในปริมาณมาก แต่สินค้าบางอย่างที่หาซื้อที่ไหนก็ได้ เช่น กล้วยตาก กล้วยฉาบ จะมีปัญหาในการจำหน่าย ซึ่งคนที่ร่วมงานส่วนใหญ่ให้ความสนใจมากกับการเรียนรู้ การผลิตสินค้าสหกรณ์ ซึ่งหัวข้อที่ประชาชนเรียกร้องมากที่สุดคือ การสอนวิชาชีพสหกรณ์ สหกรณ์สอนวิชาชีพ การสาธิตการผลิตสินค้า
หากอนาคตมีการเชื่อมโยงสินค้า เชื่อมโยงความรู้ระหว่างสหกรณ์ด้วยกัน จะทำให้การประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสที่จะขยายไปสู่อาเซียน ซึ่งการดำเนินงานสหกรณ์ในประเทศอาเซียนมีจำนวนมาก ไทยจะต้องสู้ให้ได้ อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งมีความรู้ มีผู้ชำนาญการ สา-มารถช่วยส่งเสริมสหกรณ์ไทยก้าวหน้า และทำให้สมาชิกสหกรณ์ ประชาชนทั่วไป ได้ซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ และราคายุติธรรม