จับมือเอกชนเปิดโปรเจกต์ยักษ์ ระดม 210 ล.ซื้อยาง 4.2 หมื่นตัน

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จับมือเอกชนเปิดโปรเจกต์ยักษ์ ระดม 210 ล.ซื้อยาง 4.2 หมื่นตัน


นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากผลการหารือของคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียร-ภาพราคายางร่วมกับ 7 หน่วยงานเอกชน ได้แก่ องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) และ บริษัทร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ (IRCO) บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทย รับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท เซาท์แลนด์ รับเบอร์ จำกัด และบริษัท วงศ์บัณฑิต จำกัด เพื่อดำเนินการผลักดันราคายางให้สูงขึ้นโดยมีเป้าหมายที่ราคา 110 บาท/กก.นั้น ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าจะร่วมกันสนับสนุนงบประมาณในการรับซื้อยางพาราในตลาดล่วงหน้า เพื่อให้ยาง พารามีราคาสูงขึ้นกว่าในปัจจุบัน และจะเริ่มดำเนินการรับซื้อในเดือนมิ.ย.-ก.ค.2556 นี้ ทั้งนี้ เพื่อให้ราคาในเดือน ส.ค.อยู่ที่ 110 บาท/กก. โดยวงเงินที่แต่ละหน่วยงานจะร่วมกันสนับสนุนนั้นทั้งหมดจะมีประมาณ 210 ล้านบาท และจะรับซื้อได้ประมาณ 6 เท่าของวงเงิน
สำหรับการสนับสนุนงบประมาณร่วมกันเพื่อพยุงราคายางในครั้งนี้ จะดำเนินการในลักษณะใดนั้นจะมีการหารือในรายละเอียดอีกครั้ง แต่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือที่ดีระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้แล้วภาระในการแทรกแซงราคายางพาราของรัฐบาลก็จะหมดไป และการใช้เงินของเอกชนก็จะน้อยมากเพียง 210 ล้านบาท และรับซื้อยางพาราได้สูงมากกว่า 42,000 ตัน ซึ่งมากกว่าเงินที่รัฐบาลให้นำมาให้พยุงราคากว่า 20,000 ล้านบาท และราคาที่เกษตรกรจะขายได้ก็จะสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก เพราะที่ผ่านมาการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรก็ล้วนแล้วแต่เป็นภาระของรัฐบาลแทบทั้งสิ้น
"ขณะนี้ยางในสต็อกเก่าของรัฐบาล ต้องดูสถานการณ์ด้านของราคาก่อน แม้ว่าจะมีต่างประเทศติดต่อเข้ามาจำนวนมากเพื่อขอซื้อหลายราย แต่รัฐบาลคงยังไม่ขาย เพื่อมั่นใจว่าราคาน่าจะขยับตัวสูงขึ้นได้ จากขณะนี้ราคาในตลาดส่งออกอยู่ที่ 90.60 บาท/กก. ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าโครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง ที่ต้องใช้เงินของรัฐบาลอุดหนุนจำนวนหลายหมื่นล้าน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ราคาขึ้นไปสู่เป้าหมายที่ตนเองการได้แต่ทำได้แค่ให้ราคายางไม่ตกต่ำลงไปมาก ที่ผ่านมาพยายามทำให้ยางราคาสูง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้น เมื่อมีภาคเอกชนมาร่วมมือกับภาครัฐ เชื่อว่าราคายางพาราน่าจะขยับสูงขึ้นสู่เป้าหมายที่วางไว้ และเป็นการเพิ่มมูลค่ายางให้มีค่าสูงขึ้น" นายยุทธพงศ์ กล่าว
ด้านนายอำนวย ปะติเส ประธานคณะทำงานด้านยางพารา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากความร่วมมือกับภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมศักยภาพยางพาราให้มากขึ้นแล้ว ยังจะร่วมพิจารณาถึงแนวโน้มราคายาง และกำหนดทิศทางยางพาราในอนาคต โดยใช้กลไกตลาดภายในประเทศผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) และมีการประสาน ขอความร่วมมือกับ บริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด (เออโก้) ให้มาช่วยรักษาเสถียรภาพราคายางพาราในตลาดต่างประเทศด้วย
ขณะเดียวกันยังมีการทำแผนรับมือกับราคายางที่อาจผันผวนตามปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะตลาดโลก การซื้อขาย ราคาน้ำมันตลาด โลกและที่สำคัญที่ค่าเงินบาท เตรียมมาตรการรองรับไว้เมื่อราคายางมาถึงจุดใดจุดหนึ่งพร้อมเข้าให้การช่วยเหลือ และยังมีการทราบถึงแนวโน้มว่าราคายางมีทิศทางไปในทางใดแต่ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ทั้งหมดต่อเมื่อเหตุการณนั้นยังไม่เกิดขึ้นด้วย


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ