สิงห์อมควันสะดุ้ง-บุหรี่ไฟฟ้าสุดอันตราย

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2564

สิงห์อมควันสะดุ้ง-บุหรี่ไฟฟ้าสุดอันตราย


ถึงเวลาบุหรี่ไฟฟ้าเลิกอ้างปลอดภัยกว่า นักสูบสะเทือน ม.แคลิฟอร์เนีย เปิดผลวิจัยใหม่ ยันบุหรี่ไฟฟ้าทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว 34%-58% อันตรายเสี่ยงเกิดโรคหัวใจไม่ต่างจากบุหรี่ธรรมดา แถมพบนิโคตินในเลือดสูง ตัวการติดง่าย-เลิกยาก นักกม. แจง รัฐบาลไทยห้ามบุหรี่ไฟฟ้าไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้บริโภค รัฐมีสิทธิ์กำหนดเงื่อนไขควบคุมสินค้าอันตรายต่อสุขภาพ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยงานวิจัยเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าชิ้นใหม่ โดยคณะวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เปรียบเทียบผลของไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าประเภท Pod (ยี่ห้อ JUUL) ชนิดที่บรรจุน้ำยาพร้อมใช้หมดแล้วทิ้ง ที่กำลังนิยมในกลุ่มวัยรุ่น บุหรี่ไฟฟ้าแบบ Tank (ที่ใช้วิธีเติมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) และควันของบุหรี่แบบธรรมดา ต่อการทำงานของเซลล์เยื่อบุหลอดเลือดแดงของหนูทดลอง

ผลการทดลองพบว่า เซลล์เยื่อบุหลอดเลือดแดงของหนูทดลองที่ได้รับไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าทั้งสองแบบ และควันจากบุหรี่ธรรมดาถูกทำลายในระดับพอๆ กันที่ 34%-58% และพบว่าระดับนิโคตินในเลือดของหนูที่ได้รับไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าแบบ Pod สูงกว่าบุหรี่ประเภทอื่นๆ ประมาณ 5-8 เท่า ขณะที่ระดับนิโคตินในเลือดที่สูงมากของหนูที่ได้รับไอระเหยบุหรี่ไฟฟ้าชนิดที่บรรจุน้ำยาพร้อมใช้  ตามหลักวิชาการแล้วจะทำให้เกิดการเสพติดง่ายและเลิกยาก  ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ จึงอยากจะเตือนวัยรุ่นว่าไม่ควรที่จะทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า  เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเกิดการเสพติดขึ้น

ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวว่า คำกล่าวที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีการเผาไหม้ ทำให้มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา และเป็นทางเลือกสำหรับการช่วยเลิกสูบบุหรี่ หรือที่บางคนบอกว่าคนสูบบุหรี่ต้องการสูบนิโคตินแต่ต้องเสียชีวิตด้วยทาร์ ดังนั้นบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีทาร์จึงปลอดภัยกว่า เป็นเพียงคำโฆษณากล่าวอ้างของบริษัทที่ต้องการขายบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้น ข้อเท็จจริงแล้ว แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะมีสารพิษบางตัวต่ำกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่สารพิษที่พบในบุหรี่ไฟฟ้าหลายตัวเป็นสารก่อมะเร็ง มีสารประเภทโลหะหนัก และอนุภาคขนาดเล็ก ที่สามารถทำลายเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจ ภูมิคุ้มกันของร่างกาย และทำลายระบบหัวใจและหลอดเลือด การที่มีสารพิษน้อยกว่า จึงไม่ได้แปลว่าอันตรายน้อยกว่า หรือปลอดภัยกว่า

รศ.ดร.เอื้ออารีย์ อิ้งจะนิล คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตามที่มีฝ่ายที่สนับสนุนการใช้บุหรี่ ได้ออกข่าวมาอย่างต่อเนื่องว่า การที่รัฐบาลไทยห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคในการที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ได้มีการรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญของประเทศไทยนั้น ขอชี้แจงว่า “สิทธิของผู้บริโภค” มีขึ้นเพื่อกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการ โดยมีเป้าหมายคุ้มครองประชาชนผู้บริโภคเป็นหลัก เช่น รับรองการรวมตัวจัดตั้งองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค โดยรัฐให้การสนับสนุนทางงบประมาณ “เสรีภาพในการประกอบอาชีพ แม้เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการได้รับการรับรองภายใต้ระบบตลาดแข่งขันเสรี แต่รัฐสามารถจำกัดหรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เสรีภาพของผู้ประกอบการได้ หากเป็นไปเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคหรือเพื่อจัดระเบียบการประกอบอาชีพ

ด้านศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า  แม้ฝ่ายที่พยายามจะผลักดันให้เลิกห้ามบุหรี่ไฟฟ้าอ้างว่าเพื่อผู้ที่สูบบุหรี่อยู่แล้วจะได้หันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า หรือใช้บุหรี่ไฟฟ้าในการเลิกสูบบุหรี่ธรรมดา แต่นโยบายการห้ามมิให้นำเข้าหรือจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้านั้น มีขึ้นเพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน และคนที่ไม่สูบบุหรี่ เพื่อไม่ให้เข้ามาเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า และปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งยังไม่มีการยืนยันจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกบุหรี่ธรรมดาในการใช้ตามปกติ

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้การห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เป็นทางเลือกหนึ่งในการควบคุมผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า และประเทศไทยเป็น 1 ใน 40 ประเทศทั่วโลกที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าในขณะนี้ 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ