การเมืองมิติใหม่

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การเมืองมิติใหม่


สะบัดร้อนสะบัดหนาว : by ณรงค์ ปานนอก

ในระหว่างสงครามการเมืองที่คละคลุ้งไปด้วยเหตุผลของแต่ละฝ่าย ซึ่งอ้างว่าต่อสู้เพื่อรักษากติกาในระบอบประชาธิปไตย ต้องบอกกันตรงๆ ว่า ประชาชนที่เอียงข้างใดข้างหนึ่ง ย่อมเกิดความเข้าใจไขว้เขวไปตามแรงปลุกระดม หาใช่เป็นที่ คาดหวังของประชาชนที่เป็น "พลังเงียบ" ไม่

ฝ่ายหนึ่งพูดอ้างประชาธิปไตย แต่ผสมผเสไปกับสร้างความรังเกียจต่อบุคคล บางตระกูลอย่างสุดขั้ว ขณะที่อีกฝ่ายก็อ้างต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายกล่าวหาก็เป็นนักการเมืองมีที่มามิได้บริสุทธิ์ผุดผ่องตรงไหน ทั้งยังมีมลทินทาง การเมืองติดตรึงมาจากอดีตที่หนักหนาสาหัสมากกว่าด้วยซ้ำ

ถ้าจะตำหนินักการเมืองอีกฝ่ายว่าทุจริต โกง กิน คอร์รัปชั่น แล้วอีกฝ่าย หนึ่งก็เคยทุจริต กิน โกงคอร์รัปชั่นต่างกันตรงไหน

ถ้าจะประณามว่านักการเมืองฝ่ายรัฐบาลทำร้ายประชาชนมือเปล่า ก็แล้วรัฐบาลที่ฝ่ายต่อต้านเคยมีอำนาจเคยทำให้ประชาชนตายนับร้อย เจ็บนับพัน มันควร ถูกประณามมากกว่าหลายเท่าไหมล่ะ

ที่สุด มันก็ชั่ว ก็เลวพอๆ กัน

แล้วประชาชนคนอย่างเราๆ ท่านๆ ยังจะไปให้เครดิตกับนักการเมืองฝ่ายไหนให้เสียเวลาทำไม

นี่คือโจทย์ใหญ่สำหรับประชาชนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมองเห็นจุดบกพร่องของการเมืองไทย

หากปล่อยให้ฝ่ายรัฐบาลเป็นเจ้าภาพปฏิรูปการเมืองใหม่ ฝ่ายต่อต้านก็ไม่เชื่อ และยังคงปักหลักต่อต้านต่อไป ทำนองเดียวกันถ้าฝ่ายต่อต้านจะมีมติอ้างว่าเป็นความต้องการของมวลมหาประชาชน แล้วจะลงมือตั้ง "สภาประชาชน" เสียเอง คิดหรือว่ากติกาที่สร้างมาจากมวลมหาประชาชนจะให้ความยุติธรรมกับประชาชนทุกหมู่เหล่า

ก็เห็นอยู่โต้งๆ ว่าแกนนำมวลชนที่ต่อต้านรัฐบาลนั้น มีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เรียงแถวเดินหน้าแถมมี "พระการเมือง" นำหน้าให้เป็นที่เวทนาแก่พุทธศาสนิกชนยิ่งนัก

ความจริงระบอบประชาธิปไตยโดยแท้จริง มีหนทางแก้ปัญหาในตัวของมันเอง ถ้าหากเราจะย้อนหลังไปพิจารณานิยามที่ นายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษคนแรกที่เข้าใจประชาธิปไตยลึกซึ้งที่สุดท่านหนึ่ง เนื่องจากท่านเป็นผู้นำที่ได้ขอพระราชทานระบอบ ประชาธิปไตยมาจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ว่า

"...ประชาธิปไตยนั้น เราหมายถึงประชาธิปไตยอันมีระเบียบตามกฎหมาย และศีลธรรม และความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ใช่ประชาธิปไตยอันไม่มีระเบียบ หรือประชาธิปไตยที่ไร้ศีลธรรม"

เมื่อพิจารณาประชาธิปไตยในปัจจุบัน และสังเคราะห์ดูผู้เล่นการเมืองทุกๆฝ่ายแล้ว ปรากฏว่า ฝ่าฝืนกฎหมาย เลี่ยงกฎหมาย ขาดคุณธรรมจริยธรรม ไร้ซึ่งความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ยอมรับในกฎกติกา ไร้ระเบียบ วุ่นวาย จลาจล (แถมยังโกหกหน้าตาเฉยว่า อหิงสา เสียด้วย) และไร้ซึ่งศีลธรรมอย่างน่าเกลียด

ต้องย้ำอีกครั้งว่า เป็นนักการเมืองจากทุกฝ่าย ทั้งนักการเมืองหน้าเดิมและหน้าปัจจุบัน ยิ่งใครขยันใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นมากเท่าใด ก็ยิ่งต้องย้อนกลับไปดูผู้ใส่ร้าย ให้ละเอียดมากขึ้น แล้วจะรู้ว่า ทำไมจึงเกิดประเพณีเหล่านี้ขึ้นมา เหมือนกับว่า เป็น "สูตรซักฟอก" ให้ตัวเองสะอาดแบบอัตโนมัติเสียอย่างนั้น

มีสื่อใหญ่บางท่าน ได้นำเสนอพรรคทางเลือกที่ 3 เป็นตุ๊กตาให้เห็นเป็นทางเลือกใหม่แก่ใครก็ได้ ที่อยากเห็นเส้นทางการเมืองที่สดใสดีกว่าวิธีเก่าๆ ซึ่งก็พอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอยู่บ้าง แต่ไม่อึกทึกมากนัก...อาจเพราะสถานการณ์ปัจจุบัน ยังร้อนแรง วุ่นวายเพราะแรงปลุกระดมมากจนเกินขีด จึงไม่อยาก "เปลืองตัว" จนอาจกลายเป็น "เหยื่อ" ให้สถานการณ์เล่นงานให้เจ็บช้ำเสียก่อน

นั่นเป็นเพราะการเมืองของกลุ่มเก่า พรรคเก่า ไม่อาจเป็นคำตอบที่ดีของอนุชน รุ่นใหม่ได้ จึงเสมือนเป็น "ภาวะจำใจ" ให้หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ต้อง "แสวงหาทางเลือกใหม่" ให้กับตัวเองโดยปริยาย แม้จะไม่เชี่ยวชาญชำนาญเชิงเหมือนนักการเมืองยุคเก่า แต่ก็อยู่ในสภาวะ "ทนความอึดอัดไม่ไหว" จึงต้องกระเสือกกระสนหาหนทางที่สดใส เจิดจ้ากว่าหนทางปัจจุบัน

ในกระแสเชี่ยวกรากของมวลชนที่ยังขึงขังกัน 2 ฝ่าย เมื่อถูกโยนคำถามเบาๆ ไปว่า จะหาทางออกกันยังไง ก็ได้รับคำตอบที่มีนัยว่า ที่สู้ๆ อยู่นี่ก็เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่การตัดสินใจว่าจะเดินตามแกนนำไปตลอดกาลคงไม่ใช่แน่

เพราะเขาก็มีสมองที่พอจะเรียนรู้ประวัติศาสตร์เหมือนกันว่า บ้านเมืองเราต้อง มีหนทางใหม่ที่ดีกว่า ให้กับกลุ่มคนที่เป็น "Young generation"

หาใช่พวกหัวเก่า ที่เห็นและเป็นอยู่บนเวทีปราศรัยเหล่านั้นไม่!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ