"หญ้าเนเปียร์"ขุมทองใหม่ของเกษตรกรไทย

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556



สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ จัดงานเสวนา "หญ้าเนเปียร์ พืชพลังงาน-อาหารสัตว์ ขุมทองใหม่ของเกษตรกรไทย จริงหรือ?" โดยมี ดร.ไกรลาศ เขียวทอง นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ นครราชสีมา กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นผู้เข้าร่วมการเสวนา
ดร.ไกรลาศ เขียวทอง นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ นครราชสีมา กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า "จากการวิจัยพบว่า หญ้าเนเปียร์เป็นพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่การเพาะปลูกในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยหญ้าพันธุ์เนเปียร์นั้น ชอบภูมิอากาศแบบบ้านเรา และหากจะปลูก ในลักษณะอุตสาหกรรม เกษตรกรก็สามารถ ปลูกได้ทุกภาค เนื่องจากเป็นพืชที่ชอบแดดจ้า มีความสามารถสังเคราะห์แสงได้ดี แต่หากปลูกที่ภาคใต้ก็จะได้เปรียบภาคอื่นๆ เพราะมีปริมาณน้ำฝนช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ส่วนภาคอื่นๆ ก็สามารถปลูกได้เช่นกัน หากสามารถให้น้ำได้ดี หรือถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือพื้นที่ไหนปลูกอ้อยได้ ก็ปลูกหญ้าเนเปียร์ได้"
ดร.ไกรลาส ยังกล่าวอีกว่า หากมอง ในด้านของปศุสัตว์แล้ว สัตว์เคี้ยวเอื้อง หรือ สัตว์ขนาดกลางเมื่อก่อนส่งเสริมให้เกษตรกร ให้อาหารหยาบกับสัตว์เหล่านี้ แต่พบปัญหา ในการหาอาหารให้สัตว์เหล่านี้ไม่ได้ เพราะปริมาณในการปลูกพืชชนิดอื่นให้ผลผลิตน้อย แต่สำหรับหญ้าเนเปียร์ในพื้นที่ 1 ไร่สามารถเลี้ยงโคได้ถึงประมาณ 5-6 ตัว ใบหญ้าเนเปียร์ในพื้นที่ 1 ไร่ ได้ปริมาณเท่ากับ พืชชนิดอื่น 4 ไร่
"การลงทุนปลูกหญ้าเนเปียร์ 1 ไร่ ประมาณ 5-6 พันบาท และลงทุนครั้งเดียว อยู่ได้ถึง 10 ปี หากใช้หลักวิชาการจัดการที่ดีตามหลักวิชาการแล้วสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุก 45 วัน หรือปีละ 6-7 ครั้ง และขณะ นี้กำลังวิจัยเพื่อนำไปใช้เลี้ยงปลาสลิดด้วย"
ด้าน ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี รอง-ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงาน นครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงหญ้าเนเปียร์ในด้านปลูกเพื่อเป็นพลังงานทดแทนว่าหญ้าเนเปียร์สามารถนำมาผลิตพลังงานได้ 2 รูปแบบ คือ 1.ใช้เป็นเชื้อเพลิง ในการเผาโดยตรง 2.นำมาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพด้วยการหมัก
"ทั้งสองแบบถ้าแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วไม่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าแต่ละพื้นที่ เหมาะกับการใช้แบบไหน แต่รูปแบบการนำมาผลิตเป็นก๊าซชีวภาพจะเป็นผลดีกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าแบบที่นำมาเป็นเชื้อเพลิง และขณะนี้กำลังทำวิจัยเพื่อใช้ทดแทน ก๊าซแอลพีจี แต่การใช้ทดแทน NGV นั้นเราใช้งานได้แล้ว"
ขณะที่นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงพลังงานในการส่งเสริมการปลูกหญ้าเนเปียร์ว่า เรามีพืชผลทางการเกษตรมากและได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทำวิจัยเรื่องพืชที่จะนำมาใช้ผลิตพลังงานทดแทนและได้พืชมา 10 ชนิด แต่โดยมากจะเป็นพืชที่มนุษย์ใช้เป็นอาหาร มิติทางสังคมไม่ยอมรับปัจจุบันเราเริ่มมองหาพืชชนิดอื่นมาใช้ ซึ่งต้องทำเป็นแผนระยะ ยาวซึ่งก็คือแผนการตลาดก่อน ซึ่งถ้าเป็นหญ้าเนเปียร์ถ้าปลูกเพื่อขายเป็นอาหารสัตว์ก็สามารถปลูกได้เลย แต่ในส่วนของการ ปลูกเป็นพืชพลังงานนั้นต้องวางแผนก่อน
"การจะให้เกษตรกรปลูกพืชพลังงาน ทดแทนนั้น ต้องดูด้วยว่าเขาไม่มีสตางค์ เราจะช่วยเขาอย่างไร ให้เขาสามารถขายได้โดยไม่มีเครื่องจักร ขณะนี้ก็เริ่มดำเนินการ บ้างแล้วใน 12 พื้นที่เพื่อทดลอง แต่ละพื้นที่ มีลักษณะไม่เหมือนกันคือ พื้นที่แห้งแล้ง พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่น้ำท่วมขัง ซึ่งเรามีเป้าหมาย ใช้พื้นที่ประมาณ 50,000 ไร่ ในระยะเวลา 20 ปี และการจะใช้พืชมาผลิตเป็นพลังงาน ทดแทนนั้นจะต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนด้วย"


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ