“พัทยาฟู้ด” แย้มปรับแผนการผลิตเวียตนามหันจับ CLMV ดันนอติลุส ส่ง แบรนด์ใหม่ “เอ็กซ์เทน” เจาะคนรักสุขภาพ

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564

“พัทยาฟู้ด”  แย้มปรับแผนการผลิตเวียตนามหันจับ CLMV ดันนอติลุส ส่ง แบรนด์ใหม่ “เอ็กซ์เทน” เจาะคนรักสุขภาพ


นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันผู้บริโภคจำนวนมากให้ความสนใจกับคุณประโยชน์ของ ซุปเปอร์ฟู้ด (Super Food) ซึ่งเป็นทางเลือกของอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี มีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ นำมาผสมผสานกับกลุ่มอาหารทะเลที่มีความชำนาญในการผลิตมาอย่างยาวนาน เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ในรูปแบบ อาหารพร้อมทาน (Ready to Eat) ส่งผลให้ปัจจุบันกระแสสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากมูลค่าตลาดกว่า 1 แสนล้าน โดยเฉพาะตลาดซีเรียลอาหารเช้าในไทย (RTE Cereal) ปีนี้คาดวาจะมีมุูลค่า ประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 3-4% ต่อปี จากตลาดซีเรียลอาหารเช้าในปี 2563 เติบโตมูลค่า 4% มูลค่า 2,700 ล้านบาท โดยมูลค่าขายปลีก CAGR 5% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ (มูลค่าคงที่ 3% CAGR) ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดรวม (RTE Cereal) ในจีนที่มีมูลค่าสูงถึง 178,711 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 6%

ล่าสุด “นอติลุส” ภายใต้“พัทยาฟู้ด” ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยใช้ ซุปเปอร์ฟู้ด (Super Food) ในรูปแบบอาหารพร้อมทาน ภายใน 2 นาที ด้วยการสร้างเทรนด์ “XTEN Healthvenient - เอ็กซ์เทน เฮลท์วีเนียน” เพื่อชีวิตที่เร่งรีบพร้อมดูแลสุขภาพในทุกช่วงเวลา สำหรับวัยต่างๆ ตั้งแต่เด็กวัยเรียน, คนวัยทำงานหรือ ผู้สูงวัยที่ต้องการอาหารสุขภาพที่สะดวกพร้อมทาน 

โดยกลุ่มสินค้าแรกที่ลอนซ์ในตลาด มี 4 สูตร 4 อาทิ โอ๊ตมีลผสมมัลติเกรน เรดแซลมอน, โอ๊ตมีลผสมมัลติเกรน เห็ดรวมและผักโขม, โอ๊ตมีล ดาร์กช็อกพร้อมอัลมอนด์ และโอ๊ตมีล มิกซ์เบอร์รี่ โดยขณะนี้เริ่มวางตลาดแล้วทัังออฟไลน์ เน้นซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น ท็อปส์ กูร์เม่ต์มาร์เก็ต วิลล่ามาร์เก็ต ฟู้ดแลนด์ เลมอนฟาร์ม โกลเด้นเพลซ เป็นต้น และช่องทางออนไลน์ เช่น ลาซาด้า ช้อปปี้ Line my shop และ Nautilusonlineshop.com และปลายปีนี้จะเริ่มขยายช่องทางคอนวีเนียนสโตร์และไฮเปอร์มารเก็ต วางเป้าหมายปริมาณการขายสิยค้าจาก XTEN ไว้ประมาณ 10 ล้านถ้วยใน 3 ปีแรกนี้ แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายในประเทศ ระหว่าง ออฟไลน์ 60% และออนไลน์ 40%

ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมาในกลุ่ม PFG มียอดขายประมาณ 8,000 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนยอดขายผลิตและการส่งออกต่างประเทศ (OEM) อยู่ที่ 80% และยอดขายของ OBM (original brand) อยู่ที่ราว 20% สำหรับปีนี้ “พัทยาฟู้ด” คาดว่าจะสามารถเติบโตตามเป้าที่วางไว้ 5% จากปีที่แล้ว แม้ว่าจะยังมีสถานการณ์โควิด-19ระบาดก็ตาม และคาดว่าภายในปี 2024 จากนี้ สัดส่วนของแบรนด์บริษัทจะเพิ่มเป็น 25% และ บริษัทจะมียอดขายรวมของกลุ่มกว่า 10,000 ล้านบาท โดย 20% มาจาก XTEN และธุรกิจใหม่ๆ

สำหรับตลาดต่างประเทศบริษัทฯอยู่ระหว่างการปรับแผนการผลิตสินค้าของฐานการผลิตในประเทศเวียดนามใหม่ จากเดิมที่เป็นฐานการผลิตประเภท ปูกระป๋อง กุ้งกระป๋อง และปลาแมคเคอเรลกระป๋อง มีตลาดส่งออกหลักไปยังยุโรปและอเมริกา โดยมีความเป็นไปได้ว่า จะปรับไลน์ผลิตสินค้าใหม่ และหันมาเน้นตลาดส่งออกในเอเซีย โดยเฉพาะจีนกับกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีเป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความใกล้เคียงกันกับไทยและเวียดนามในแง่ของวัฒนธรรมการรับประทาน และมีความเข้าใจตลาดเอเซียมากกว่า

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ