“ทีมปชป.”หนุนคลายล็อคดาวน์ฟื้นเศรษฐกิจ-จี้อย่าลืมธุรกิจกลางคืน

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

“ทีมปชป.”หนุนคลายล็อคดาวน์ฟื้นเศรษฐกิจ-จี้อย่าลืมธุรกิจกลางคืน


“ปริญญ์-ดรุณวรรณ” หนุนมาตรการคลายล็อก 1 ก.ย. นี้ หวังเดินหน้าเศรษฐกิจคู่สาธารณสุข แนะหลังเปิดร้านอาหาร-ศูนย์ค้าแล้วอย่าลืมฟิตเนส ธุรกิจกลุ่มกลางคืนที่ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน ชี้เปิดช่องประชาชนฉีดวัคซีนแล้ว 1เข็มเข้าใช้บริการได้ พร้อมแนะขยายผลมาตรการ GOOD PRACTICE ให้ครอบคลุมเตรียมพร้อมทุกภาคส่วนสู่การเปิดประเทศ

 

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวหนุนมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่จะเกิดขึ้นใน 1 ก.ย. นี้ โดยนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวว่า ขอบคุณศบค. ที่มีการคลายล็อกดาวน์ให้ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ร้านนวด ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ กลับมาให้บริการได้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีมาตรการบางอย่างที่อาจต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาทิ การกำหนดให้นั่งทานในร้านอาหารได้ 50% หรือ 70% รวมถึงการสั่งงดจำหน่ายแอลกอฮอล์ในร้านอาหารอย่างต่อเนื่องนั้น อาจไม่เหมาะสมกับลักษณะของบางร้าน และอาจสร้างความลำบากให้ผู้ประกอบการและประชาชนที่มาใช้บริการได้

นอกจากนี้ การล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำให้ผู้ประกอบการและลูกจ้างที่อยู่นอกเหนือกลุ่มธุรกิจดังกล่าวอีกจำนวนมาก ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมานานนับปี และยังเข้าไม่ถึงการเยียวยาของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส สระว่ายน้ำ สปา สถานบันเทิง และกลุ่มธุรกิจกลางคืน เป็นต้น จึงอยากให้ศบค. พิจารณาถึงความเดือดร้อนของกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ และเตรียมมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่เหมาะสมอย่างเร่งด่วน รวมทั้งอนุญาตให้ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งเข็ม สามารถเข้าใช้บริการได้ด้วย เพื่อทำให้ธุรกิจภาคกลางวันและกลางคืนกลับมาเดินหน้าต่อได้เหมือนเดิม ก่อนที่จะเปิดประเทศในเดือนตุลาคมนี้

“การออกกำลังกายเป็นผลดีสำหรับการสร้างภูมิคุ้มกันในช่วงที่มีโรคระบาด ดังนั้นกลุ่มธุรกิจฟิตเนสจึงสมควรเป็นธุรกิจต่อไปที่ได้รับการคลายล็อก รวมถึงกลุ่มธุรกิจบันเทิงและธุรกิจกลางคืนด้วย เพราะพวกเขาโดนสั่งปิดกิจการมานานเกินไปแล้ว และตอนนี้ต่างก็ได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการป้องกันโรคสำหรับการกลับมาเปิดให้บริการไว้เป็นอย่างดี ไม่ต่างจากกลุ่มธุรกิจอื่น”

ด้านนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ทางด้านเศรษฐกิจจะมีการคลายล็อกดาวน์แล้ว แต่ มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ ก็ต้องมีอย่างเคร่งครัดต่อไป และในขณะเดียวกันรัฐบาลควรเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนประชากร โดยเฉพาะการเร่งฉีดให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป หรือที่เรียกว่ากลุ่ม 608 ให้มารับการฉีดวัคซีนเพื่อลดความรุนแรงและเสียชีวิต

นางดรุณวรรณ กล่าวว่า จากการทำงานของ ศปฉ.ปชป. และรายงานของกรมควบคุมโรคพบว่าการติดเชื้อโควิด 19 ส่วนใหญ่เป็นการติดจากคนใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน และคนในครอบครัว โดยไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวเราหรือคนรอบตัวติดเชื้อหรือไม่ ดังนั้นทุกคนจึงต้องป้องกันตนเองอย่างสูงสุด (Universal Prevention) จึงมีข้อเสนอให้มีการขยายผลการจัดทำ GOOD FACTORY PRACTICE ให้ครอบคลุมสำหรับทุกโรงงานและนำมาปรับใช้สำหรับองค์กรต่าง ๆ  ซึ่งเป็นมาตรฐานที่กรมอนามัยเป็นผู้กำหนดทั้ง 4 มาตรการเพื่อโรงงานปลอดภัย ได้แก่มาตรการด้านการป้องกันโรค มาตรการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม มาตรการเสริมสำหรับโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่มาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อ

“ต้องยอมรับว่าเรายังต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางโควิด นอกเหนือไปจากโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว องค์กรขนาดเล็กที่มีจำนวนพนักงานต่ำกว่า 50 คนแต่ละแห่งก็ควรมี Good Practice เป็นของตัวเองเช่นเดียวกันภายใต้มาตรการควบคุมโรค เพื่อให้ทุกภาคส่วนเตรียมปรับตัวเข้าสู่ยุคนิว นอร์มอล (New normal) สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และทำให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้โดยเร็ว” นางดรุณวรรณ กล่าว



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ