- หน้าแรก
- บันเทิง-กีฬา
- กิเลน บุกเสมอ “แข้งเทพ” 1-1-ชลบุรี ทุบ บีจี 3-1 ศึกไทยลีก
กิเลน บุกเสมอ “แข้งเทพ” 1-1-ชลบุรี ทุบ บีจี 3-1 ศึกไทยลีก
วันอาทิตย์ที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
กิเลนบุกเสมอ “แข้งเทพ” 1-1 ศึกไทยลีก “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด พลาดโอกาสเก็บ 3 คะแนนอย่างน่าเสียดาย บุกเสมอ “แข้งเทพ” แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-1 ในศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก บางกอกกล๊าส เอฟซี บุกไปพ่าย ชลบุรี เอฟซี ไป 3-1 “พลังเอ็ม” สุดเซ็งถูก “วัวชน” บุกมายิงเจ๊าทดเจ็บ 1-1
แบงค็อก ยูไนเต็ด 1 – 1 เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ประจำวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2556
สนาม : ไทยญี่ปุ่น ดินแดง
ผู้ชม : 4,832 คน
ศึกโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก นัดที่ 9 ที่สนาม ไทยญี่ปุ่น ดินแดง เป็นการพบกันระหว่าง “เจ้าถิ่น” แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 15 ต้อนรับการมาเยือนของ “จ่าฝูง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยผลงานนัดล่าสุดทั้งสองทีม แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดรังถล่มเอาชนะ พัทยา ยูไนเต็ด 4-0 ขณะที่ “กิเลนผยอง” เฉือนเอาชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด มาได้ 2-1
ด้านการจัดทัพเกมนี้ “โค้ชเตี้ย” จัดทัพใหญ่ลงสนาม นำโดย สมปอง สอแหลบ, โรเมียง แกสมี่, พลวุฒิ ดอนจุ้ย, ฮาหมัด อัล ฮัสซัน โดย วิศรุต พันนาสี ได้ดวลทีมเก่า ขณะที่ทางทีมเยือนได้ 2 มิดฟิลด์ตัวเก่ง ดานโญ่ เซียก้า และ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว กลับมาลงสนามอีกครั้ง โดย 3 แนวรุกวาง ปัก นัม โชล, ศราวุฒิ มาสุข, ธีรศิลป์ แดงดา ลงล่าตาข่าย
เริ่มเกมมาได้ 8 นาที เป็นทางทีมเยือนที่ได้โอกาสก่อน จากจังหวะฟรีคิกริมเขตโทษฝั่งซ้าย พิชิตพงษ์ เฉยฉิว เปิดเข้าเขตโทษแล้วเป็น ธีรศิลป์ แดงดา โหม่งเสยบอลลอยจะเสียบใต้คานอยู่แล้วแต่ อันโตนิน ทริลเลส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นยังกระโดดปัดออกหลังได้หวุดหวิด
รูปเกมเป็นไปอย่างสูสี นาที 24 เป็นโอกาสของแบงค็อกฯ จากจังหวะโต้กลับเร็ว วิศรุต พันนาสี ตัดบอลแดนกลางได้ก่อนไหลออกขวาให้ ฮาหมัด อัล ฮัสซัน ครอสจากริมเส้นเข้าเขตโทษบอลจะถึง สมปอง สอแหลบ อยู่แล้วแต่ วีระ เกิดพุดซา ยังทะยานออกมาคว้าไว้ได้ทัน ซึ่งจากจังหวะนี้เอง วีระ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจนทีมแพทย์ต้องเข้ามาปฐมพยาบาลก่อนที่จะเล่นต่อไป
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกของเกม แบงค็อกฯ มาได้ประตูออกนำ จากจังหวะที่ โรมียง แกสมี ได้บอลตรงกลางสนามก่อนเปิดออกขวาให้ พลวุฒิ ดอนจุ้ย กระชากเข้าเขตโทษหนีแนวรับเอสซีจี เมืองทองฯ ก่อนเปิดมาที่จุดนัดพลแล้วเป็น สมปอง สอแหลบ ล้มตัวชาร์ทด้วยขวาบอลลอยผ่านมือ วีระ เกิดพุดซา ตุงตาข่าย “แข้งเทพ” ขึ้นนำ “กิเลนผยอง” 1-0
นาทีที่ 33 เอสซีจี เมืองทองฯ เปลี่ยนตัวผู้เล่นคนแรกเอา วีระ เกิดพุดซา ที่มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวออกแล้วส่ง อัมรินทร์ เยาดำ ลงไปเฝ้าเสาแทน
หลังเสียประตู “แชมป์เก่า” ตั้งเกมบุกขึ้นมาใหม่ นาทีที่ 37 ได้ลุ้นตีเสมอจากจังหวะฟรีคิกระยะหวังผล 25 หลา แล้วเป็น มาริโอ ยูรอฟสกี้ อาสาปั่นด้วยซ้ายบอลแฉลบกำแพงเด้งออกหลัง และจากจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง ปัก นัม โชล เปิดไปที่เสาสองแล้วเป็น ดานโญ่ เซียก้า ได้ขึ้นโหม่งเน้นๆแต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกไป
ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมเป็นเกมรุกแลกกันอย่างหนัก แต่ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ จบครึ่งแรก แบงค็อก ยูไนเต็ด ยังนำ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 1-0
กลับมาสู้กันต่อในครึ่งหลัง เอสซีจี เมืองทองฯ บดหนักใส่ทันที นาทีที่ 48 พลาดได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ ธีรศิลป์ แดงดา กระชากฝ่าแนวรับแบงค็อกฯ ก่อนได้สับไกด้วยซ้ายแต่ อันโตนิน ทริลเลส นายด่านเจ้าถิ่นยังเซฟออกมาได้หวุดหวิด
อย่างไรก็ตาม “กิเลนผยอง” มาตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว นาทีที่ 52 จากจังหวะที่ วีระวุฒิ กาเหย็ม ไหลบอลสั้นให้ ปัก นัม โชล ริมเส้นด้านซ้ายก่อนเปิดเข้าเขตโทษกองหลังแบงค็อกฯ เคลียร์บอลออกมาไม่ดีมาเข้าทาง ดานโญ่ เซียก้า ได้แปเหน่งๆด้วยขวาบอลแฉลบศรีษะ กรวิทย์ นามวิเศษ เปลี่ยนทางเข้าประตู เอสซีจี เมืองทองฯ เสมอ แบงค็อก ยูไนเต็ด 1-1 หลังได้ประตูตีเสมอ เอสซีจี เมืองทองฯ ยังบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 62 ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ได้เติมเกมรุกทางฝั่งขวาก่อนพริ้วหลบแผงหลังเจ้าถิ่นสองรายเข้าเขตโทษก่อนได้กดด้วยขวาเต็มข้อบอลพุ่งเข้าหากรอบ แต่แผงหลังแบงค็อกฯยังตามมาบล็อกออกหลังได้ทัน
นาทีที่ 68 เอสซีจี เมืองทองฯ เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะทุ่มไกลของ ปิยพล บรรเทา ให้ ดานโญ่ เซียก้า โหม่งชงหนึ่งจังหวะมาเข้าทาง พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ได้ซัดเต็มข้อด้วยขวาแต่บอลโดนไม่เต็มเท้าหลุดเสาสองออกไป
“กิเลนผยอง” น่าได้ประตูออกนำอย่างที่สุด นาทีที่ 70 จากจังหวะฟรีคิกริมเขตโทษฝั่งซ้าย ดัสกร ทองเหลา เล่นลูกสูตรไหลสั้นให้กับ มาริโอ ยูรอฟสกี้ วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเต็มข้อบอลผ่านมือ อันโตนิน ทริลเลส ไปแล้วแต่บอลยังพุ่งไปชนคานอย่างจัง
เกมของเจ้าถิ่นช็อตไปดื่อๆ นาทีที่ 73 เป็นโอกาสลุ้นเหน่งๆของ เอสซีจี เมืองทองฯ ปิยพล บรรเทา ทุ่มไกลเข้าเขตโทษแผงหลังแบงค็อกฯสกัดออกมาไม่ดีมาเข้าทาง ศราวุฒิ มาสุข ได้ยิงด้วยซ้ายบอลแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นก่อนที่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ จะตามไปสไลด์ด้วยซ้ายแต่บอลยังเด้งชนเสาสองออกหลัง
นาที 79 เอสซีจี เมืองทองฯ เกือบได้ประตูแซงนำ จากจังหวะที่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ไหลสั้นให้ ดัสกร ทองเหลา หน้าเขตโทษก่อนที่ “เจ้าโก้” จะตัดสินใจชิพด้วยขวาบอลลอยผ่านมือ อันโตนิน ทริลเลส ไปแล้วแต่โชคร้ายพุ่งชนคานออกหลังไปหวุดหวิด
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที เป็นทาง เอสซีจี เมืองทองฯ ที่เปิดเกมรุกใส่อย่างต่อเนื่องแต่ไม่สามารถเจาะแนวรับของแบงค็อกฯ ได้จบเกม แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 1-1 “กิเลนผยอง” เก็บเพิ่มเป็น 22 คะแนน จาก 9 นัด ยังรั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
แบงค็อก ยูไนเต็ด : อันโตนิน ทริลเลส (GK), พลวุฒิ ดอนจุ้ย (คมกริช คำโสกเชือก น.65), กรวิทย์ นามวิเศษ, อานิสงส์ เจริญธรรม, พลวัฒน์ ปิ่นกอง, ฮาหมัด อัลฮัสซัน (อิทธิพร เทพเรียน น.71), วิทยา หมัดลำ, โทนี คอสตา, วิศรุต พันนาสี, โรมียง แกสมี (พอล เบกอมโบ เอโคลโล น.78), สมปอง สอแหลบ
ใบเหลือง : โรเมียง แกสมี่, สมปอง สอแหลบ, อานิสงส์ เจริญธรรม, วิทยา หมัดลำ
เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด : วีระ เกิดพุดซา (GK) (อัมรินทร์ เยาดำ น.33), วีระวุฒิ กาเหย็ม, อาทิตย์ ดาวสว่าง, รี ควาง ชอน, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (ปิยพล บรรเทา น.63), พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, ดานโญ่ เซียก้า, ปัก นัม โชล (ดัสกร ทองเหลา น.63) , มาริโอ ยูรอฟสกี้, ศราวุฒิ มาสุข, ธีรศิลป์ แดงดา
ใบเหลือง : ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ปัก นัม โชล
ผู้ตัดสิน : มานพ ปานสาคร
อินทรีโปลิศเล่นดีแต่ทำได้แค่เสมอ 0-0 เชียงรายยูไนเต็ด
ณ สนามเมนสเตเดี้ยม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต อินทรีเพื่อนตำรวจ ทีมอันดับ 11 แข่ง 7 นัด ชนะ 2 นัด เสมอ 3 นัด แพ้ 2 นัด มี 9 คะแนน เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 16 แข่ง 7 นัด ชนะ 3 นัด แพ้ 4 นัด มี 3 คะแนน
เปิดฉากเกมการแข่งขัน ในครึ่งแรก ทั้ง 2 ทีมต่างบุกกันเต็มที่ ในนาทีที่ 27 อินทรีเพื่อนตำรวจได้ฟรีคิกระยะ 22 หลา ปกเกล้า อนันต์ อัดเต็มแรงบอลพุ่งแหวกกำแพงมาที่กลางประตู ทนงศักดิ์ พันภิพัฒน์ ต้องออกแรงเซฟช่วยเชียงรายอีกจังหวะ ท้ายครึ่งแรกเกมยังเปิดแลกกันสนุก ทีมเยือนได้ลุ้น 2 ครั้งต่อเนื่อง นาทีที่ 43 เลอันโดร อัสซัมป์เคา ใช้ความเร็วพาบอลเข้าเขตโทษก่อนส่งไปด้านซ้ายให้กับ อานนท์ สังสระน้อย ได้ยิงจากระยะ 8 หลา ต้องชม รังสรรค์ เอี่ยมวิโรจน์ แนวรับอินทรีเพื่อนตำรวจที่เข้ามาขวางวิถีบอลได้เร็ว ถัดมา นาทีที่ 44 เลอันโดร อัสซัมป์เคา หยอดจากกราบซ้ายอย่างแม่นยำไปในเขตโทษ อานนท์ สังสระน้อย ได้โหม่งบอลไปตรงตัว ภัทร ปิยภัทร์กิติ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก อินทรีเพื่อนตำรวจเกือบได้เฮเมื่อ ธนา ชะนะบุตร พาบอลเข้ามาทางกราบซ้ายแต่ไหลย้อนไปแถวหัวกระโหลก อัสมิง แม ยิงด้วยขวาบอลเหินข้ามคานไปนิดเดียว ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0
เริ่มเกมในครึ่งหลัง เชียงราย ยูไนเต็ดมีการปรับทัพโดยเน้นเกมรุมมากขึ้นและส่งตัวเล่นในแดนหน้าถึงสามคนยืนสูงยันเกมของอินทรีโปลิศ นาทีที่ 69 สุรชาติ สารีพิมพ์ จ่ายบอลบริเวณหัวกระโหลกให้กับ ธนา ชะนะบุตร ที่วิ่งแลบเข้าไปในเขตโทษได้จิ้มด้วยซ้าย ทนงศักดิ์ พันภิพัฒน์ เซฟช่วยเชียงรายไว้ได้ หลังจากนั้นอินทรีเพื่อนตำรวจครองเกมไว้ได้หมด ช่วง 10 นาทีสุดท้ายกดดันหนักเพื่อหวังพัง ประตูแรก น.82 บอลสวนกลับ ธนา ชะนะบุตร พาบอลมาทางขวาก่อนเปิดไปเสาไกล ปกเกล้า อนันต์ จ่ายยัดมาเสาแรก สุรชาติ สารีพิมพ์ พุ่งโหม่งหลุดเสาไปนิดเดียว นาทีที่ 84 เจ้าบ้านที่ได้ลุ้นต่อเนื่องเมื่อ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ครอสทางริมเส้นฝั่งขวา ธนา ชะนะบุตร ได้ชาร์จระยะ 6 หลาก็ยังไม่ผ่าน ทนงศักดิ์ พันภิพัฒน์ โอกาสสุดท้ายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากฟรีคิกระยะ 35 หลา ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ก็ยิงไม่ได้ลุ้น ทำให้จบเกมเสมอกัน 0-0 แบ่งแต้มกันไป
วาทะโค้ช โค้ชวัง-ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล : ผมค่อนข้างพอใจกับฟอร์มการเล่น แต่ยังไม่ค่อยพอใจกับสกอร์ที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าทุกคนเล่นอย่างทุ่มเท ผมเชื่อว่าทั้ง 2 ทีม มีโอกาสยิงทั้งคู่เรามีโอกาสเยอะเหมือนกัน แต่ก็ต้องดูคู่ต่อสู้ด้วยครับ โค้ช สเตฟาโน่ คูกูร์ร่า “เตโก” : การที่เรามาเยือนก็ถือว่าเป็นเกมส์ที่ยากลำบากผลการแข่งขันวันนี้ถือว่ายุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ส่วน 1 แต้มที่ได้วันนี้ส่วนตัวถือว่าเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเรา เราคาดหวังว่าในเกมส์หน้าเราคงมีโอกาสชนะและจะกลับมาตั้งใจซ้อมมากขึ้น
บีจี เซ็ง !! บุกโดน ฉลามชล เผ่าเครื่อง1-3
การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้าไทยพรีเมียร์ลีก 2013 นัดที่ 9 ประจำวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2556 ที่สนามชลบุรี สเตเดี้ยม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี รั้งอันดับ 3 ของตาราง พบกับ “เดอะ แรบบิท” บางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมอันดับ 12 ของตาราง
เกมนี้เข้าบ้าน ชลบุรี ไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นมากนัก แนวรับ โฟเด้ ไดกิเต้ ยืนจับคู่เป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ สุทธินันท์ พุกหอม แบ็คซ้ายเป็น ณัฐพงษ์ สมณะ ขวาเป็นหน้าที่ของ เจษฏากรณ์ เหมแดง
ขยับมาที่แดนกลาง คาซูโตะ คูชิดะ ยังปักหลักคุมเกม แนวรุกเป็น ติอาโก้ คุนญ่า ล่าตาข่ายร่วมกับ พิภพ อ่อนโม้
ด้านทางฝั่งของ “เดอะ แรบบิท” บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่เพิ่งได้ “โค้ชแต๊ก” อรรถพล ปุษปาคม กุนซือป้ายแดงเอี่ยมอ่องประเดิมคุมสนามเป็นเกมแรก เกมนี้ “โค้ชแต๊ก” ให้ วสันต์ ฮมแสน ประจำการแบ็คขวา คู่ปราการหลังตัวกลางยังเป็น โฮเซ่ เมน่า กับ ประวีณวัช บุญยงค์ แบ็คซ้ายเป็น ปิยะชาติ ถามะพันธ์
แดนกลาง ภูริทัต จาริกานนท์ ยืนกำกับเกมร่วมกับ ชินจัง ฮอนดะ ที่สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้ง ปล่อยให้ เอกพันธ์ อินทเสน ลากเลื้อยริมเส้นขวาซ้ายกับ ธีรเทพ วิโนทัย กัปตันทีม คู่หัวหอกเป็น เลอันโดร ดอส ซานโต๊ส ทะลวงประตูกับ โกรัน เยอร์โควิช
เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรกได้เพียง 5 นาที เจ้าบ้าน ชลบุรี ได้เสียวก่อน จากจังหวะฟรีคิกบริเวณริมเส้นฝั่งซ้าย ศราวุฒิ จันทพันธ์ เปิดยาวเข้าไปหน้าปะตูบอลเลยไปเสาสองถึง สุทธินันท์ พุกหอม สลัดตัวประกบโหม่งบอลเข้าข้างหน้าต่าง
บีจี พยายามต่อบอลเพื่อหาจังหวะทำประตู นาทีที่ 9 เอกพันธ์ อินทเสน เลี้ยงบอลขึ้นมาจากกลางสนามหลบผู้เล่น ชลบุรี 2 คน แล้วจ่ายต่อให้ เลอันโดร ดอส ซานโต๊ส แต่งบอลแล้วยิงด้วยขวา แต่บอลไปติดบล็อคแนวรับ ชลบุรี
ชลบุรี เริ่มครองบอลได้มากขึ้น นาทีที่ 18 ศราวุฒิ จันทพันธ์ เปิดฟรีคิกบริเวณริมเส้นฝั่งขวาไปหน้าประตู แนวรับ บีจี สกัดบอลไม่ขาด บอลไปเข้าทางปืนของ โฟเด้ ไดกิเต้ เอี้ยวตัวยิงด้วยซ้ายระยะ 12 หลา แต่ นริศ ทวีกุล ยังพุ่งปัดบอลออกหลังไปได้
ถัดมานาทีที่ 26 เป็น ชลบุรี ที่ได้ประตูออกนำ 1-0 เมื่อ เจษฏากรณ์ เหมแดง แบ็คขวาเติมกมรุกขึ้นมาสูง แล้วเปิดบอลเรียดจากสุดเส้นหลังให้ อนุชา กิจพงษ์ศรี วิ่งโฉบเข้ามายิงผ่าน นริศ ทวีกุล นายทวาร บีจี ตุงตาข่ายเข้าไป
หลังเสยประตู บีจี พยายามเน้นสร้างเกมรุกเข้าใส่ ชลบุรี บ้าง นาทีที่ 29 วสันต์ ฮมแสน เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าไปหน้าประตูให้ โกรัน เยอร์โควิช โหม่งแต่บอลเบาไปเข้ามือ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายทวารชลบุรี รับไว้ได้
นาทีที่ 30 ชลบุรี ได้เฮอีกครั้ง เมื่อ เจษฏากรณ์ เหมแดง โยนบอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ ติอาโก้ คุนญ่า โหม่งบอลย้อยข้ามหัว นริศ ทวีกุล ตุงตาข่ายให้ เจ้าบ้าน ชลบุรี นำ บีจี เป็น 2-0
บีจี พยายามรวมพลังสู้อีกครั้ง แต่กลับโดน ชลบุรี สวนกลับเร็ว นาทีที่ 34 อนุชา กิจพงษ์ศรี ไหลบอลให้ ณัฐพงษ์ สมณะ แบ็คซ้าย เติมเกมรุกขึ้นมาเปิดบอลจากสุดเส้นหลังไปหน้าประตูให้ ติอาโก้ คุนญ่า ที่ยืนรออยู่เสาสองโหม่งสวนตัว นริศ ทวีกุล เข้าประตูไป ชลบุรี นำ บีจี ห่างเป็น 3-0
สาวก “เดอะ แรบบิท” ได้เฮบ้างในนาทีที่ 38 เมื่อ ปิยะชาติ ถามะพันธ์ เปิดลูกเตะมุมเข้ามาหน้าประตู บอลเลยไปถึงเสาสองมาถึง ประวีณวัช บุญยงค์ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นโหม่งบอลตุงตาข่ายง่ายๆ ให้ บีจี ไล่มาเป็น 3-1
บีจี ได้ใจทำเกมรุกเข้าใส่ ชลบุรี อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 39 ธีรเทพ วิโนทัย ได้โอกาสยิงด้วยซ้ายจากจังหวะแนวรับ ขลบุรี สกัดลูกเตะมุมไม่ดี แต่โดน สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ปัดไปชนคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 40 ลีซอ ทำชิ่งกับ เลอันโดร ดอส ซานโต๊ส หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แล้วเตรียมเผด็จศึก แต่โดน โฟเด้ ไดกิเต้ แนวรับชลบุรี ตามแซะบอลทำให้บอลไหลหลังออกไปอย่างน่าเสียดาย
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ติอาโก้ คุนญ่า กองหน้าชลบุรี ลากบอลหลบ ปิยะชาติ ถามะพันธ์ แล้วตัดสินใจยิงมุมแคบ แต่ นริศ ทวีกุล ยังไม่พลาด ตะปบบอลทิ้งออกหลังไปได้ จากนั้นหมดเวลาในครึ่งแรก ชลบุรี เอฟซี นำ บางกอกกล๊าส เอฟซี อยู่ 3-1
แก้เกมมาในครึ่งหลัง บีจี ถอดเอา วสันต์ ฮมแสน และ โกรัน เยอร์โควิช ออกแล้วส่ง ฮิโรโนริ ซารุตะ กับ กรกช วิริยอุดมศิริลงสนาม จากนั้น บีจี เปิดเกมรุกเข้าใส่ ชลบุรี ทันที นาทีที่ 59 กรกช วิริยอุดมศิริ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายมาให้ เลอันโดร ดอส ซานโต๊ส โหม่งบอลไปเข้ามือ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล รับไว้ได้
นาทีที่ 68 ขณะที่ บีจี บุกเพลิน ชลบุรี ได้โตกลับเร็ว สินทวีชัย ขว้างบอลมาให้ พิภพ อ่อนโม้ ไหลบอลต่อให้ อนุชา กิจพงษ์ศรี ที่เติมเกมรุกขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนผ่านบอลเรียดไปหน้าประตูให้ ติอาโก้ คุนญ่า แปบอลข้ามคานออกไป
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฮิโรโนริ ซารุตะ ได้หมุนตัวยิงด้วยซ้ายระยะ 18 หลา แต่บอลยังไม่ผ่านมือ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เวลาที่เหลือ บีจี พยายามเปิดรุกเข้าใส่เจ้าบ้าน ชลบุรี แต่ทว่าจังหวะสุดท้ายยังทำได้ไม่ดีพอ จบเกม ชลุบรี เอาชนะ บางกอกกล๊าส เอฟซ๊ ไป 3-1
รายชื่อผู้เล่นทั้ง 2 ทีม
ชลบุรี เอฟซี : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (GK), ณัฐพงษ์ สมณะ, สุทธินันท์ พุกหอม, โฟเด้ ไดกิเต้, เจษฏากรณ์ เหมแดง (ชลทิตย์ จันทคาม น. 62), คาซูโตะ คูชิดะ, ศราวุฒิ จันทพันธ์ (อดุลย์ หละโสะ น.46), นพนนท์ คชพลายุกต์( อาจายี่ เบงกา น.69), อนุชา กิจพงษ์ศรี, ติอาโก้ คุนญ่า, พิภพ อ่อนโม้(C)
บางกอกกล๊าส เอฟซี : นริศ ทวีกุล (GK), วสันต์ ฮมแสน (กรกช วิริยอุดมศิริ น.46), โฮเซ่ เมน่า, ประวีณวัช บุญยงค์, ปิยะชาติ ถามะพันธ์, ภูริทัต จาริกานนท์, ชินจัง ฮอนดะ, เอกพันธ์ อินทเสน (วสันต์ นาทะสัน น.52), ธีรเทพ วิโนทัย (C), เลอันโดร ดอส ซานโต๊ส, โกรัน เยอร์โควิช (ฮิโรโนริ ซารุตะ น.46)
“พลังเอ็ม” สุดเซ็งถูก “วัวชน” บุกมายิงเจ๊าทดเจ็บ 1-1
“พลังเอ็ม” โอสถสภา M-150 สระบุรี ทีมอันดับ 13 เปิดสนาม อบจ.สระบุรี พบกับ “วัวชนแดนใต้” สงขลา ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 9 เกมนี้ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก กุนซือพลังเอ็ม ปรับเปลี่ยนผู้เล่นหลายคนพอสมควรส่ง เจษฎา พั่วนะคุณมี กลับมาสวมปลอกแขนกัปตันทีมอีกครั้งโดยแนวรุกมี อภิภู สุนทรพนาเวศ กับ ชนานันท์ ป้อมบุปผา และ ลาซารัส คาอิมบี ร่วมกันทำเกม โดยมี แทงจินี ชิเปา เป็นกองหน้าตัวเป้า ส่วน จเด็จ มีลาภ เฮดโค้ชวัวชนแดนใต้ วาง จูเลส บากา กับ วานิช ใจเสน เป็นสองกองหน้าตัวเป้า
เริ่มเกม “พลังเอ็ม” โหมบุกหนักตั้งแต่วินาทีแรก ขณะที่ “วัวชนแดนใต้” อาศัยการตั้งรับแล้วโต้กลับ เพียงแค่ 1 นาที อภิภู ได้จังหวะแปด้วยเท้าซ้ายแต่บอลไปแฉลบกองหลังออกไปอย่างน่าเสียดาย นาทีต่อมา เกรียงศักดิ์ ชุมพรผ่อง ได้ยิงไกลจนกองหลังทีมเยือนต้องช่วยกันเคลียร์บอลออกมา แต่ก็ยังมาเข้าทางของชนานันท์ แต่ดาวยิงทีมชาติไทย ก็ซัดออกข้างไป โอสถสภาฯ ยังบุกต่อเนื่อง นาทีที่ 7 ชิเปา หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงสวนตัว ชนินทร์ แซ่เอียะ นายทวารวัวชนฯ ออกข้างไปอีก หลังพับสนามบุกอยู่ข้างเดียว แต่กลับยิงไม่ได้ ทำให้ สงขลาฯ เริ่มตั้งเกมได้และมีจังหวะโต้กลับสร้างอันตรายให้เกมรับของเจ้าถิ่นได้เป็นระยะ เข้าสู่นาทีที่ 32 ชิเปา ได้เทกตัวขึ้นโขกบอลเหน่งๆ แต่ ชนินทร์ ยังโชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกไป จากนั้น “พลังเอ็ม” บุกหนักหวังยิงประตูให้ได้ แต่จังหวะสุดท้ายไม่ผ่านมือ ชนินทร์ แซ่เอียะ ที่วันนี้เซฟจังหวะอันตรายเอาไว้ได้หมด จบครึ่งแรก จึงเสมอกัน 0-0
กลับมาครึ่งหลัง “พลังเอ็ม” ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเปิดเกมบุกเข้าใส่ “วัวชน” เหมือนเดิม แต่จังหวะจบสกอร์ยังขาดๆ เกินๆ ส่วน “วัวชน” ยังเน้นเกมรับและใช้จังหวะสวนกลับเหมือนเดิม บวกกับการที่เจ้าถิ่นไม่เน้นการเพรสซิ่ง ทำให้ทีมเยือนเลยเล่นสบายมากขึ้น กระทั่งนาทีที่ 72 หลังจากที่เจาะไม่เข้าเจ้าถิ่นเปลี่ยนตัวเป็นคนแรกส่ง แอนโทนี โคเมนัน ลงแทน ลาซารัส คาอิมบี ต่อด้วย สุรเดช ธงชัย แทน ชนานันท์ ซึ่งเกมเริ่มดีขึ้น นาทีที่ 79 เจ้าถิ่นต่อบอลกันสวยมาถึง ชิเปา ได้โอกาสสับไกด้วยเท้าขวาบอลพุ่งเข้าหาประตูแต่นายทวารทีมเยือนยังพุ่งปัดออกหลังไป หลังจากพับสนามบุกอยู่ “พลังเอ็ม” ก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จนได้จากจังหวะที่ อภิภู โยนบอลจาก ริมเส้นด้านซ้ายให้ โคเมนัน ตัวสำรองโหม่งเข้าไปในนาทีที่ 82 จากนั้นอีก 4 นาที เจ้าถิ่นน่าจะได้ประตูที่ 2 เมื่อ ชิเปา เปิดบอลให้ โคเมนัน คนเดิมได้พุ่งโหม่งบอลชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บกองเชียงพลังเอ็มต้องเงียบกริบทั้งสนาม เมื่อ โคเน เซย์ดู มาซัดประตูตีเสมอเป็น 1-1 ไอย่างเหลือเชื่อ จบเกม โอสถสภาฯ จึงต้องเสมอกับ สงขลาฯ ไป 1-1
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม โอสถสภา M-150 : ฉัตรชัย บุตรพรม (ผู้รักษาประตู), เกรียงศักดิ์ ชุมพรผ่อง, บุญมี บุญรอด, ภานุวัฒน์ ไฟใหล, ฮิโรมิชิ คาตาโนะ, ซูกูรุ ฮิโรมิชิ, เจษฎา พั่วนะคุณมี (กัปตันทีม), ชนานันท์ ป้อมบุปผา, อภิภู สุนทรพนาเวศ, ลาซารัส คาอิมบี, แทงจินี ชิเปา
สงขลา ยูไนเต็ด : ชนินทร์ แซ่เอียะ (ผู้รักษาประตู), ไดอิกิ ฮิกูชิ, โคเน เซย์ดู, ดาร์โก ราโคเซวิช, รชานนท์ กันยาทอง, วัชระ มหาวงค์, ไชยรัตน์ หมัดศิริ (กัปตันทีม), เกรียงไกร พิมพ์รัตน์, ภานุวัฒน์ จินตะ, จูเลส บากา, วานิช ใจเสน.
ผลการแข่งขันคู่อื่นๆ
สมุทรสงคราม เอฟซี 1-2 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ราชบุรี 1-1 สุพรรณบุรี
อาร์มี่ ยูไนเต็ด 0-0 ชัยนาท
พัทยา ยูไนเต็ด 0-1 ทีโอที