"กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดตัวฤดูกาลใหม่สุดยิ่งใหญ่ มั่นใจต่อยอดความสำเร็จมาสู่สโมสรฯ ในฤดูกาลใหม่ 2014 ภายใต้เคมเปญใหญ่ “THE HISTORY NEVER ENDS” ทางด้าน “บิ๊กเป้” ตั้งเป้าหมายไล่ล่าทุกแชมป์ เชื่อทีมมีความลงตัวกว่าทุกซีซั่นที่ผ่านมา ทั้งแข้งเก๋า, ดาวรุ่งและซุปเปอร์สตาร์ต่างชาติ พร้อมเปิดตัวชุดแข่งขันใหม่ฤดูกาล 2014 เป็นครั้งแรก เตรียมวางจำหน่าย 18 ก.พ.นี้เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา เวลา 11.00 น. ณ สนามหญ้าเทียม สิงห์ฟุตบอล ปาร์ค ภายในสนาม เอสซีจี สเตเดี้ยม เมืองทองธานี สโมสรยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย เจ้าของแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีกสูงสุด 3 สมัย "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้จัดแถลงข่าวใหญ่เปิดตัวเป้าหมายสโมสรฯ, ทีมงาน-นักเตะ และชุดแข่งขันคอเล็กชั่นใหม่ พร้อมเป้าหมายในการแข่งขันฤดูกาล 2014 โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ ประธานสโมสรฯ เป็นประธานงานแถลงข่าว พร้อมด้วยรองประธานสโมสรนายวิลักษณ์ โหลทอง, นายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผอ.สโมสรฯ โดยมีผู้สนับสนุนหลักของสโมสรฯ ร่วมงาน ท่ามกลางแฟนบอลและสื่อมวลชนจำนวนมาก
สำหรับฤดูกาล 2014 นี้ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดตัวภายใต้เคมเปญใหญ่ “THE HISTORY NEVER ENDS” ประวัติศาสตร์จะไม่มีวันหยุดนิ่ง พร้อมการเปิดตัวเป้าหมาย, ทิศทางของสโมสรฯ, นักเตะทั้งหมดที่จะเป็นกำลังหลักไล่ล่าความสำเร็จ รวมถึงไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัวชุดแข่งใหม่ชุดเหย้าและเยือน ชุดยูนิฟอร์ม รวมทั้งหมด 3 ชุด ซึ่งใช้สีแดง-ทอง เป็นตีมใหม่ประจำฤดูกาล พร้อมกันนี้ยังเผยถึงเป้าหมายสำคัญคือการสานต่อความยิ่งใหญ่มาสู่สโมสรฯ ด้วยการคว้าแชมป์ในประเทศทั้ง 3 รายการใหญ่ รวมถึงสร้างผลงานในระดับเอเชียให้ดีขึ้นกว่าเดิม
โดยนายพงษ์ศักดิ์ ผลอนันต์ ประธานสโมสรฯ ได้กล่าวถึงเป้าหมายและทิศทางของสโมสรฯ ว่า “1 ฤดูกาลที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเราจะจบเป็นที่ 2 ได้รองแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ ซึ่งถ้าเป็นที่อื่นอาจจะถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ไม่ใช่กับเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือเป็นเบอร์ 1 ของประเทศ รวมทั้งเป็นทีมหัวแถวของเอเชีย ซึงก็เป็นที่มาของการเตรียมทีมในฤดูกาล 2014 ที่ได้มีการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ทั้งการปรับเปลี่ยนโค้ช รวมทั้งรักษานักเตะแกนหลักและเสริมนักเตะใหม่ที่มีคุณภาพพอในการไล่ล่าความสำเร็จ นอกจากนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ฤดูกาลใหม่นี้ เรามีนักเตะดาวรุ่งที่สามารถพัฒนาจากอะคาเดมี่กว่า 200 คนทั้งของเราเองและพันธมิตรกว่า 200 ขึ้นชุดใหญ่ได้”
ด้านนายวิลักษณ์ โหลทอง รองประธานสโมสรฯ กล่าวว่า “ก็ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนของทีมที่ยังเหนี่ยวแน่นให้การสนับสนุนทีมเป็นอย่างดีในฤดูกาลนี้ ซึ่งหนึ่งในหน้าที่ ที่ผมมอบให้ทีมนอกเหนือจากมอบความสุขให้แฟนบอลแล้ว คือต้องมอบความสำเร็จให้ผุ้สนับสนุนในการที่ช่วยเหลือเราเป็นอย่างดีเสมอมา นอกจากนี้ปรัชญาการทำทีมนอกจากต้องชนะในสนามแล้ว ยังต้องเป็นทีมที่ชนะนอกสนามแบบสุภาพบุรุษ รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันวงการฟุตบอลไทยไปสู่หัวแถวของเอเชียให้ได้อย่างยั่งยืน”
ทางด้าน "บิ๊กเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรฯ ได้กล่าวว่า “ปีนี้เรามีการเตรียมทีมที่พร้อมและลงตัวกว่าทุกๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยใช้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท อย่างที่ทราบเรามีขุมนักเตะซีเนียร์ปัจจุบันที่ดีที่สุดในประเทศและยังอยู่กับทีมทั้ง ธีรศิลป์ แดงดา, ดัสกร ทองเหลา, มาริโอ ยูรอฟสกี้ นอกจากนี้นักเตะดาวรุ่งหลายคนก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาและมีความพร้อมที่สมบูรณ์น่าจับตามองทั้ง สารัช อยู่เย็น, สุริยา สิงห์มุ้ย และ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ รวมกับนักเตะซุปเปอร์สตาร์ต่างประเทศที่เราคว้ามาร่วมทีมคือ เจย์ โบธรอยด์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ, มิลาน บูบาโล่ ดาวรุ่งทีมชาติเซอร์เบีย ก็เชื่อว่าเราพร้อมแล้วที่จะต่อยอดความสำเร็จมาสู่สโมสรฯ ทั้งการกลับมาคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก รวมถึงคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศ ตลอดจนทำผลงานในฟุตบอล เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนส์ลีก ให้เข้าสู่รอบลึกๆที่สุด ก็เชื่อว่าจะเป็นฤดูกาลที่สนุกตื่นเต้นแน่นอน
ส่วนการพัฒนาสโมสรฯ ฤดูกาลนี้เรามีการปรับปรุงสนามเอสซีจี สเตเดี้ยมพอสมควร ไล่ตั้งแต่การปรับปรุงพื้นสนามแข่งขัน, การเพิ่มแอลอีดีทั้งสกอร์บอร์ดและเอบอร์ด, เก้าอี้วีวีไอพี, สมาชิกรายปีและสมาชิกทั่วไป รวมทั้งชุดแข่งขันฤดูกาลใหม่ที่ปีนี้เราออกแบบในแนวเรียบหรู และดูคลาสสิกที่สุดในบรรดาชุดแข่งที่สโมสรฯ มีมา ซึ่งพร้อมจำหน่ายให้แฟนบอลช่วงวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ก็เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนบอล”