กลุ่มคนขับสิบล้อ ประกาศรวมพล 19 ต.ค. วิ่งบนถนนสายหลักทั่วประเทศ จี้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซล เช็กเส้นทาง ด้านกระทรวงการคลังยันราคาดีเซลแพงเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบโลกพุ่ง ย้ำปรับลดภาษีสรรพสามิตต้องรอเวลา-สถานการณ์ข้างหน้า
วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย แชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กเพจ คนรักสิบล้อ ระบุว่า 19 ตุลาคมนี้ คาราวานสิบล้อเคลื่อนพล! พร้อมกันทั่วประเทศ ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
ตามที่เกิดวิกฤติน้ำมันดีเชล ได้ปรับราคาขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนอัตราค่าขนส่ง ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภค และบริโภคขึ้นตามราคาน้ำมันไปด้วย ภาคการขนส่ง และประชาชนได้รับความเดือดร้อน
สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่มีสมาชิกผู้ประกอบการรถบรรทุกทั่วภูมิภาค จะนัดรวมพลังรถบรรทุกครั้งใหญ่ Truck Power วิ่งไปยังบนถนนสายหลัก ๆ ภาคเหนือ ใต้ อีสาน ออก ตก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาทต่อลิตร ลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาทต่อลิตร ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงาน เป็นระยะเวลา 1 ปี
ในวันอังคารที่ 19 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป จะมีการรวมพลังของรถบรรทุก วิ่งรถบรรทุกไปตามบนถนนใช้เส้นทางดังนี้เริ่มต้นจาก
เส้นทางที่ 1 ถนนพระรามสองเชื่อมต่อกาญจนาภิเษก (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ)
จุดที่1 เริ่มจาก อ.เมืองจ.ราชบุรี>แยกปากท่อ >จ.สมุทรสงคราม >จ.สมุทรสาคร>ถ.กาญจนาภิเษก (ด่านทางด่วนศรีรัช) > ถนนบรมราชชนนี > จ.นครปฐม และวนกลับที่ตั้ง
เส้นทางที่ 2 ถนนบรมราชชนนี ถนนกาญจนาภิเษก
จุดที่ 2 เริ่มจากสถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑลสาย5>ถนนกาญจนาภิเษก>ข้ามสะพานเดอะมอลล์บางแค > ยูเทิร์นพุทธมณฑลสาย6 และวนกลับที่ตั้ง
เส้นทางที่ 3 ถนนสายเอเชียเชื่อมต่อบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา(ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ)
จุดที่ 3 เริ่มจาก สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย > สี่แยกพยุหะคีรี > สราแยกชัยนาท >จุดบริการทางหลวง (บ้านตึก) > จุดบริการทางหลวง (พรหมบุรี)
จุดที่ 4 เริ่มจาก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี > อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
เส้นทางที่ 4 ถนนบางนาตราด เชื่อมต่อกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก (บางพลี) จ.สมุทรปราการ (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ)
จุดที่ 5 เริ่มจาก ท่าสะอ้าน บางนา กม.46 > บางปะกง > บางพลี > บางเสาธง > บางพลีน้อย >บางโฉลง > บางนา-ตราด กม.8
เส้นทางที่ 5 ถนนสุขุมวิท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เชื่อมต่อ ถนนหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์ แหลมฉบัง (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ)
จุดที่ 6 เริ่มจาก ท่าเรือแหลมฉบัง ประตู2 > อ.ศรีราชา > อ.อ่าวอุดม > วนกลับที่ตั้ง
เส้นทางที่ 6 ถนนรอบเมือง จ.อุบลราชธานี
จุดที่ 7 เริ่มจาก ลานจอดรถ บจก.เนรมิต โลจิสติกส์ > สี่แยกกันทรลักษ์ > อ.วารินชําราบ >อ.เมือง จ.อุบลราชธานี > สี่แยกวนารมย์ > และวนกลับที่ตั้ง
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวข้างต้น ขออภัยในความไม่สะดวก ณ ที่นี้
ด้าน ดร.พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังได้ชี้แจงประเด็นข้อเรียกร้องแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงว่า ปัญหาราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันอยู่ที่ 83.53 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจาก COVID-19 ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าวส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศวันที่ 18 ตุลาคม 2564 อยู่ที่ประมาณ 28 บาทต่อลิตร ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นประมาณร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี (มกราคม 2564)
อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลของไทยกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกันแล้วพบว่า ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลของไทยอยู่ระดับใกล้เคียงกับประเทศอื่น ๆ (สิงคโปร์ ลิตรละ 53 บาท สปป. ลาว ลิตรละ 31.50 บาท กัมพูชา ลิตรละ 30.24 บาท ฟิลิปปินส์ ลิตรละ 28.69 บาท เมียนมา ลิตรละ 26.95 บาท และมาเลเซีย (ผู้ส่งออกน้ำมัน) ลิตรละ 17.42 บาท)
เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น รัฐบาลจึงได้ดำเนินนโยบายเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงและมีสภาพคล่องพร้อมดำเนินการ โดยได้มีการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 1.99 – 4.16 บาทต่อลิตร รวมทั้งได้มีการบริหารจัดการให้มีการปรับลดค่าการตลาดลงด้วย กล่าวคือ การใช้กลไกดังกล่าวมีความพร้อมและเพียงพอต่อการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลภายใต้บริบทปัจจุบันได้
ในส่วนประเด็นการปรับลดภาษีสรรพสามิตเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น อาจยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะใช้กลไกดังกล่าวในขณะนี้ เนื่องจากการจัดเก็บของภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาระดับราคาพลังงาน แต่มีวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก
อย่างไรก็ดี ในอดีตมีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพื่อบรรเทาภาระของประชาชน เนื่องจากในขณะนั้นราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในระดับที่สูง ดังนั้น หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลอาจพิจารณามาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อบรรเทาภาระของประชาชนต่อไป