ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ “หน้าหนาว” อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำคนไทยตื่นเต้นไม่น้อย เพราะหวังจะได้สัมผัสลมหนาวแรกของปีนี้ แต่อากาศที่สัมผัสได้จริง ผิดจากการคาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย ยังไม่ถึงกับ “หนาวมาก” แต่ก็ทำให้รับรู้และรู้สึกได้ถึงลมเย็นๆ และบรรยากาศของ “หน้าหนาว” กันไม่มากก็น้อย และก็เป็นกรมอุตุนิยมวิทยาที่ยืนยันว่าปีนี้ระยะเวลาอากาศหนาวเย็นหลายวันมากขึ้น ต่อเนื่อง 5-7 วัน เพราะมวลอากาศเย็นเดิมมา 1-2 วันแล้วถอยกลับไปแล้วลงมาใหม่แล้วถอย แต่ปีนี้มาต่อเนื่องมากขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2564-มกราคม 2565
แต่สวนทางกับอากาศที่หนาวเย็น ก็เห็นจะเป็น “อุณหภูมิการเมือง” ที่ขยับขึ้นเรื่อยๆ แล้ว หลายพรรคการเมืองดูเหมือนจะเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่อึดใจไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาฯ หรืออยู่จนครบวาระของ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เริ่มจากขั้วตรงข้ามรัฐบาลในเวลานี้ก็คือ “พรรคเพื่อไทย” ที่ขยับตัวก่อนเลย เริ่มจากเปลี่ยน “โลโก้” พรรคเป็นสีแดงมีตัวหนังสือเป็นสีขาว ต่างจากโลโก้เดิมที่เป็นสีน้ำเงิน และมีลายธงชาติอยู่ที่ตัว พ.พาน และ ท.ทหาร พร้อมระบุว่า “เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน”
ตามด้วยการปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคจาก“สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” เมื่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดขอนแก่น มีมติให้ “น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว” เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนนายสมพงษ์ที่ประกาศลาออกเพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่
นอกจากเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคแล้ว ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจก็คือ การปรากฏตัวและการแสดงวิสัยทัศน์ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” บนเวทีที่ประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่เรียกเสียงฮือฮา โดยเฉพาะเมื่อเธอกล่าวถึง "คุณพ่อ" ด้วยเสียงสั่นเครือจนถึงกับต้องหยุดกลืนก้อนสะอื้นในช่วงหนึ่ง
“แพทองธาร” ลูกสาวคนสุดท้องของทักษิณยืนยันว่าเธอ “..ไม่เคยคิด และทุกวันนี้ก็ยังไม่คิดที่จะเป็นนักการเมือง..” แต่ที่รับเข้ามาเป็นที่ปรึกษาของพรรคก็เพราะอยากมีส่วนในการช่วยแก้วิกฤติ โดยเฉพาะวิกฤติด้านโอกาสของคนรุ่นใหม่ โดยน.ส.แพทองธาร นิยามตัวเองว่าเป็น “คน Gen Y ที่ใกล้ชิดกับคน Gen Z” เพิ่งมีลูกเป็นคน “รุ่นอัลฟา” และเป็นลูกของคนรุ่น “เบบี้บูมเมอร์” ดังนั้นเธอจึงเชื่อว่าจะสามารถเป็นตัวประสานคนรุ่นต่างๆ เข้าด้วยกันได้ โดยในการทำงานจะเน้นเรื่องการเข้าถึงนวัตกรรมและการเทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่
ทำให้บรรดาเกจิการเมืองต่างออกมาวิพากษ์และให้ความเห็นถึงกรณีน.ส.แพรทองธารว่าเป็น “เหนือชั้น” กับแผน “บันไดขั้นเดียว” ของ “ทักกี้-ทักษิณ ชินวัตร” ที่ส่งเด็กรุ่นหลานมาต่อกรกับ“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กระทรวงกลาโหม ตามเกมโหมกระแส “แลนด์สไลด์” ใช้ลูกสาวคนสุดท้องที่มีบุคลิกให้ ใจรัก คุณสมบัติครบเครื่อง เป็นตัวเรียกแขก จนเกิดอาการสะเทือนเลื่อนลั่นกันไปหมด ไม่เพียงขั้วตรงข้ามอย่าง “บิ๊กตู่” เท่านั้น แม้แต่อดีตแนวร่วมฝ่ายเดียวกันอย่าง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุงที่ออกมาตั้ง พรรคไทยสร้างไทย ที่กำลังอยู่ในโหมดปั่นเรตติ้ง เมื่อเจอชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” โผล่มาเกิดอาการถอยตั้งหลักกันก่อน
พลันที่ชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” มาเกี่ยวข้องกับ “การเมือง” ปรากฏชื่ออยู่บนกระดานผู้บริหารพรรคเพื่อไทยก็เจอการ “รับน้อง” ทันที เมื่อมีขบวนการย้อนความทรงจำ “ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว” เมื่อปี 2547 ปีที่ น.ส.แพทองธาร สอบเข้าเรียนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ ในยุครัฐบาลไทยรักไทยของอดีตนายกฯ ทักษิณ
ปรากฏการณ์นี้น่าจะเป็นปัจจัยให้ “นายใหญ่ดูไบ” ต้องคิดหลายตลบ ถึง “เดิมพัน” เกมชิงอำนาจ ซึ่งจะว่าไปแล้ว “อุ๊งอิ๊ง” ก็แค่ช่วยพ่อ “โหมโรง” กระแสแลนด์สไลด์ โจทย์ยากที่ “นายใหญ่” คือต้องหา “นอมินี” ที่ต้องได้คนที่ “คลิก” กองเชียร์เฮหนุน สังคมรุ่นใหม่ตอบรับ สั่งซ้ายหันขวาหันได้
แบบที่เริ่มเปิดหัวด้วยปฏิบัติการที่ทีมงานสายอีสานแกล้งชง “นายใหญ่” ขอให้ “คุณหญิงอ้อ” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา “ทักษิณ” มารับบทแม่ทัพใหญ่พรรคเพื่อไทย ทั้งที่รู้กันดีว่าไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลยแต่พอเป็นข่าว “นายกฯ นอมินี” เพื่อไทยคึกคักทันตา
ก่อนจะตามมาด้วยชื่อของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. พี่ชายของคุณหญิงพจมาน หรือนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกปล่อยออกมาโยนหินถามทาง เป็นข่าวต่อเนื่องและรวมไปถึงชื่อลูกเขยของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่เป็นซีอีโอคุมธุรกิจอสังหาฯ ของตระกูลชินก็อยู่ในข่ายคุณสมบัติตรง
ทำให้หลายคนเดาทาง “ทักษิณ” กันไปต่างๆ นานา
ว่ากันว่า โจทย์ “ทักษิณ” ที่ว่าซับซ้อนแล้ว นั่นก็ยังง่ายกว่าถ้าเทียบกับปัญหาของ “ลุงตู่” ภายใต้เครื่องหมายคำถาม จะไปต่อยังไง ตามสภาพที่ชัดเจนแล้วว่า “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่ยอมหลบให้ “น้องเล็ก” ยึดค่าย พปชร. เมื่อ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ยังยึดเก้าอี้เลขาธิการพรรค พปชร.บัญชาการ-บริหารจัดการอำนาจในค่าย
แม้แต่การใส่ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไว้ในบัญชีนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังการันตีไม่ได้ เพราะภาพมันขัดกันชัดกับ “ผู้กองนัส” ที่ประกาศว่า ไปกันไม่ได้กับการบริหารแบบ “ลุงตู่” ท่ามกลางบรรยากาศภายในพรรคพลังประชารัฐที่ “ร้าวฉาน” แบ่งขั้ว-ค่าย ชัดเจน ร้อนแรงสุดก็คือ การแสดงออกของ “เฮียโอ๋” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดีอีเอส กับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน ที่แสดงออกชัดทั้งหน้าฉากหลังฉาก ไล่ตะเพิด “ผู้กองนัส” ออกจากเลขาธิการ พปชร.แบบไม่เกรงบารมี
ที่น่าหนักใจกว่าชั่วโมงนี้ก็คือ พรรคพลังประชารัฐต้องจำใจเปลี่ยนม้ากลางศึกอย่างช่วยไม่ได้ หลัง “เสี่ยปาน” วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จากคดีสนามฟุตซอลเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีการเมืองรับฟ้อง ทำให้รัฐบาลต้องขาด “คีย์แมน” คนคุมเกมสภา ในภาวะเสถียรภาพเปราะบาง
เมื่อประธานวิปรัฐบาลที่มีชั้นเชิงประนอมอำนาจอย่าง “วิรัช” ต้องออกไปนั่งดูข้างสนาม อาจมีรายการแหกคิว “ทีมกบฏ” เล่นเกมในสภาเรื่อยๆ แม้ไม่ใช่วาระสำคัญ แต่ก็เป็นการหยั่งเชิงข่ม “ทีมบริหาร” ที่นำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กระทรวงกลาโหม ที่กำลังรอจัดการกับ “ทีมกบฏ” ที่นำโดย “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
ว่ากันว่า การเมืองไทยยุคเปลี่ยนผ่าน “ไร้อำนาจ ก็ไร้การต่อรอง” ในวันที่ “พี่ใหญ่” บอกผ่านสื่อว่า “..ดี ผมจะได้ไปอยู่กับพรรคของผม..” เมื่อดูสถานะหัวหน้าพรรคใหญ่ที่เป็นฐานอำนาจรัฐบาล จากที่เคยได้รับการไว้วางใจดูกลาโหม-คุมตำรวจ มาเหลือแค่รองนายกฯ ดูแลเรื่องน้ำ แถมเลขาธิการพรรคโดนปลดพ้นรัฐบาล เมื่ออำนาจถูกกดทับบีบอัด มันก็แค่รอ “ระเบิด” ส่วนจะเมื่อไหร่นั้น เวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบ
หากแต่คนที่ปวดหัว คงหนีไม่พ้น “บิ๊กตู่” ที่ปัญหาบ้านเมืองก็ตึงมืออยู่แล้ว ยังต้องมาเผชิญปัญหาการเมืองซ้ำเติม ตามสภาพค่ายพลังประชารัฐที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นแม่ทัพหลัก โดยมี “ผู้กองนัส” เป็นเลขาธิการพรรคข้างกาย
ย้ำภาพ “ทหารเฒ่า 3 ป.” แตกกัน พลังหดหายด้วยกันทั้งยวง พวกที่เป็นปฏิปักษ์กันในพรรค โดยเฉพาะทีมสวามิภักดิ์ “บิ๊กตู่” ก็คงอยู่ไม่ได้ “พปชร.” คงกลายเป็นค่ายที่ไม่ใหญ่เท่าเก่า
ขณะที่ “เพื่อไทย” กำลังแต่งตัวสดใส ได้ตัวชูโรงหน้าใหม่ แลนด์สไลด์ไม่ใช่เรื่องมโน อยู่ที่ว่าจะประนอมอำนาจเพื่อประคองเกมสู้ หรือบู๊ให้ตายยกรัง
เทียบฟอร์มชั่วโมงนี้แล้ว อัตราต่อรอง “เพื่อไทย” ไหลไปไกลเลย