เรื่องของกฎหมายขายตรง ดูจะเป็นเรื่องที่พูดไม่จบง่ายๆ ตราบใดที่ยังไม่มีการแก้ไข หรือปรับให้ดีขึ้น เพื่อให้เกิดความ สอดคล้องกับความผันเปลี่ยนของยุคสมัย ซึ่งหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรง ยังมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ธุรกิจขายตรงต้องการกฎหมายฉบับใหม่ที่สามารถดูแล และ ปกป้องพวกเขาจากการถูกตราหน้าว่าเป็นธุรกิจสีเทา
นายพลวัฒน์ พงษ์พิพัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สนุก เน็ตเวิร์ค ออนไลน์ จำกัด เปิดเผยเรื่องการแก้ไขกฎหมายขายตรงกับ "สยามธุรกิจ" ว่า ในส่วนของธุรกิจเติมเงินออนไลน์ที่ตนกำลังทำอยู่ในขณะนี้ บอกตรงๆ ว่ากฎหมายขายตรงฉบับปัจจุบันนี้ยังไม่ส่งผลกระทบอะไร เพราะบริษัททำตามกฎหมายทุกอย่าง และทำถูกต้องตามที่ สคบ.ได้กำหนดกฎเกณฑ์ออกมา แต่หากมองกันมุมผู้ประกอบการ ซึ่งผมก็เข้าใจว่า มีหลายบริษัทขายตรงที่ต้องการให้มีการปรับแก้ไข หรือตั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างชัดเจนมากกว่านี้ ก็ต้องยอมรับว่าเห็นใจ และถ้าหากมีการปรับแก้ไขกฎหมายก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อวงการธุรกิจ
"ผมเข้าใจว่า ทุกๆ คน ต้องการการดูแลเอาใจใส่ อยากให้ มีใครที่มีอำนาจเข้ามาช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม ถูกต้อง และ พึ่งพาอาศัยได้ในยามที่มีปัญหา ซึ่งตรงนี้หากมองกันในมุมการทำงาน หรือเปิดเป็นบริษัททำธุรกิจ ก็คิดว่าต้องการเอาใจใส่เหมือน กัน คงจะต้องมาปรึกษา หรือระดมผู้ที่เกี่ยวข้องจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายๆ บริษัทเข้ามาพูดคุยหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งต้องคุยกันนานแน่นอน"
"แต่ประเด็นสำคัญการที่จะจัดระดมความคิดหาทาง ออกเกี่ยวกับกฎหมายขายตรง นั้น คงต้องร่วมมือกับทุกฝ่ายจริงๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่การแก้ไขกฎหมายก็คงจะต้องดูว่า ส่งผล กระทบต่อเศรษฐกิจประเทศชาติหรือไม่ หากแก้ไขแล้วดีก็ไม่มีปัญหา ทุกฝ่ายยอมรับเงื่อนไข และสามารถดำเนินธุรกิจตามกติกาได้"
อย่างไรก็ตาม "พลวัฒน์" ได้กล่าวเสริมว่า ตนเชื่อว่า หลายๆ บริษัทกำลังมองไปถึงการรวมตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพราะเหลือเวลาอีก 2 ปีเท่านั้น ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถึงวันนั้นจริงๆ จะมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร หรืออาจจะไม่มีก็ได้ แต่หาก มองในมุมการขยายสายงานนั้น ตนว่า น่าจะทำให้หลายบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและสร้างรายได้มากมาย
"เนื่องจากรายได้จากธุรกิจขายตรงนั้น มูลค่ามหาศาลทำให้ประชาชนที่ตกงานหรือเข้ามาทำธุรกิจนี้จนสำเร็จร่ำรวยเป็น เศรษฐีก็มีหลายคน และทำให้เปลี่ยนชีวิตพวกเขาเหล่านี้ได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้งและจะหาทางออกให้กับบริษัทต่างๆ ได้แน่นอน หากมีการร้องเรียน จริงๆ เพราะสุดท้ายยังเชื่อว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางออก แต่คง ต้องอยู่ในขั้นตอนของการค่อยๆ แก้ไขไปทีละอย่าง" ผู้บริหาร "สนุก เน็ตเวิร์ค" กล่าวทิ้งท้าย