นายไชยงค์ สกุลบริรักษ์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์นมและโภชนาการ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยึดเยื้อมาอย่างยาวนาน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกและในประเทศไทยซบเซาลงในปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดนมพร้อมดื่มในประเทศไทยที่ถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มีมูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท ในปี 2564 หดตัวลง 7.5% ด้านตลาดมอลต์สกัดที่ไมโลทำตลาดอยู่มีมูลค่า 4.5 พันล้านบาท โดยปี 2564 ตลาดเซ็กเมนต์นี้ตกลงประมาณ 2% เนื่องมาจากโควิด-19 ทำให้โรงเรียนปิดเทอม ผู้คนเดินทางน้อยลง แต่ปัจจุบันไมโลยังเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ของมูลค่ารวมทั้งหมด อย่างไรก็ตาม จากตลาดรวมนมพร้อมดื่มดังกล่าวมีสัดส่วนการตลาดเป็นนมถั่วเหลืองถึง 30% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.35 หมื่นล้านบาท ซึ่งเรามองเห็นโอกาสว่าตลาดนมถั่วเหลืองเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง สามารถสร้างโอกาสในการเติบโตได้ในอนาคต
ล่าสุด เราจึงได้ทุ่มงบประมาณ 150 ล้านบาท เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ไมโล นมถั่วเหลือง” ครั้งแรกของไมโลที่ผสานคุณประโยชน์จากถั่วเหลืองและมอลต์สกัดจากข้าวบาร์เล่ย์เข้าไว้ด้วยกัน เล็งเจาะกลุ่มคุณแม่ยุคใหม่ที่ต้องการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านคุณประโยชน์ทางโภชนาการให้แก่ลูก รับเทรนด์รักสุขภาพและโปรตีนทางเลือกจากพืชที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เราเตรียมจัดกิจกรรมทางการตลาดโปรโมตทุกช่องทาง โดยได้ดึงกบ-สุวนันท์ กับน้องณดา-ปุณณดา และน้องณดล-ปุณณดลขึ้นเป็นพรีเซ็นเตอร์สื่อสารแบรนด์โดยเฉพาะกลุ่มแม่หรือผู้ปกครองที่ต้องการซื้อสิ่งที่ดีมีคุณประโยชน์ให้กับลูก โดยสื่อสารผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ลุยทุกสิ่งใหม่ มุ่งให้น้ำหนักไปที่การใช้สื่อโฆษณานอกบ้าน (out of home) กว่า 250 จุด และสื่อโฆษณาในร้านค้าที่จำหน่ายไมโล นมถั่วเหลือง รวมถึงการโฆษณาบนช่องทางออนไลน์ผ่านสื่อและอินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ ควบคู่กับการจัดกิจกรรมแจกเครื่องดื่มให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิม โดยตั้งเป้าแจกให้ชิมทั้งหมดกว่า 350,000 กล่องทั่วประเทศและวางจำหน่ายราคา 13 บาท เจาะกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี โดยจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ และไฮเปอร์มาร์เก็ต
ทั้งนี้ บริษัทเราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ไมโล นมถั่วเหลือง” ซึ่งวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นประเทศแรกและถือเป็นครั้งแรกของการเข้าสู่ตลาดนมถั่วเหลืองเพื่อรองรับความต้องการในตลาดที่กระแสนมถั่วเหลืองหรือนมจากพืชมีการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีนี้ที่เทรนด์แพลนต์เบส plant-based beverage กำลังมาแรง ตลอดจนมุ่งจับกลุ่มที่แพ้นมวัวอีกด้วย โดยตั้งเป้าหมายในระยะแรกนี้จะมียอดขายติด 1 ใน 5 ของตลาด อีกทั้ง เราคาดว่าสำหรับภาพรวมตลาดนมพร้อมดื่มในปีนี้น่าจะเริ่มฟื้นตัวจากช่วงที่ผ่านมา เหมือนกับหมวดธุรกิจอื่นๆ โดยปัจจัยสำคัญมาจากโควิดคลี่คลาย