“มาม่า” ประกาศวิสัยทัศน์โมเดลธุรกิจ ครบรอบ 50 ปี ลุยขับเคลื่อนธุรกิจขยายครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

 “มาม่า”  ประกาศวิสัยทัศน์โมเดลธุรกิจ ครบรอบ 50 ปี ลุยขับเคลื่อนธุรกิจขยายครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ


นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจใน 5 ทศวรรษที่ผ่านมา แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิกฤตต้มยำกุ้งในปี พ.ศ. 2540 รวมไปถึงการระบาดของโควิด -19  บริษัทฯสามารถก้าวผ่านวิกฤตต่าง ๆ มาได้ เนื่องจากบริษัท ฯ อยู่ในธุรกิจอาหารซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอนาคตและมีความยั่งยืน สิ่งที่สำคัญคือการมีพันธมิตรที่ดีอย่าง บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายในประเทศที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงแผนการลงทุนของบริษัทที่มั่นคง ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจของบริษัท ฯ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน  

การดำเนินธุรกิจทีเอฟต่อจากนี้ ภายใต้การนำทัพของกลุ่มผู้บริหารยุคใหม่ พร้อมขับเคลื่อนทีเอฟสู่การดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ New Business Model เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่นิยมสินค้าเพื่อสุขภาพและเทรนด์การใช้ชีวิตที่ต้องการความง่ายและสะดวก มุ่งขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ที่หลากหลาย มีการจับมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อพัฒนาธุรกิจที่มากกว่าอาหารกึ่งสำเร็จรูป โดยมีการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทีมวิจัยของทีเอฟและการจับมือกับสถาบันวิชาการและมหาวิทยาลัยต่างๆ ภายใต้การขับเคลื่อนของทีเอฟอินโนเวชันทีม (TFIT) เพื่อนำพาทีเอฟเดินหน้าสู่ Future Food และขยายตลาดในการรองรับผู้บริโภคในกลุ่ม Healthy เพิ่มมากขึ้น” นายพิพัฒกล่าว  

อย่างไรก็ตาม ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา TF ได้มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่เข้ามาพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าในโรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่โรงงานสีเขียวเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ควบคู่กับการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวทางในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน Sustainable Development Goals (SDGs) และนโยบายการขับเคลื่อน Bio Circular Green Economy (BCG)

สำหรับการทำตลาดในต่างประเทศที่ผ่านมา TF มีการทำตลาดไปแล้ว 68 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลิตภัณฑ์ “มาม่า”เป็นแบรนด์หลัก โดยในอนาคตบริษัทฯ มีเป้าหมายการทำตลาดที่มากกว่า Beyond Export นั่นคือ Global Market ซึ่งจะเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมและไฮแวลูเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคในต่างประเทศ รวมทั้งการปรับดีไซน์และขนาดแพคเกจจิ้ง ให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับตลาดในแต่ละประเทศมากขึ้น เน้นช่องทางการทำตลาดออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่กัน นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่คาดว่าจะขยายการลงทุนเพิ่มในต่างประเทศ โดยปัจจุบันสัดส่วนการทำตลาดในประเทศอยู่ที่ 70% และต่างประเทศอยู่ที่ 30%     

ด้านนายเพชร พะเนียงเวทย์ กรรมการบริษัท และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด 2 บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษา บริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานตลาดในประเทศ มาม่า ต้องมีจุดแข็ง ประกอบด้วย อร่อย, ปลอดภัย,สะดวก,เก็บได้นาน,ประหยัด,เพิ่มความคุ้มค่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยธุรกิจขับเคลื่อนจากผู้ผลิตสู่ผู้กระจายสินค้า โดยมีสหพัฒน์ดูแลเรื่องการขาย การตลาดทุกอย่างยังแบ่งเป็นเทรดิชั่นนอลเทรด และโมเดิร์นเทรด รวมถึงการเพิ่มน้ำหนักขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ปัจจุบันมาม่าได้เข้าไปเปิดช็อปขายในทุกๆช่องทาง ปัจจุบันเทรนด์ตลาดบะหมี่สำเร็จรูปในไทย มีอัตราการบริโภคอันดับที่9ขอบโลก หรือประมาณ 3,700 ต่อปี ซึ่งในประเทศโตได้ช้า เนื่องจากผลกระทบโควิด และสถานการณ์ตลาดปัจจุบันต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด ได้ลอนซ์ มาม่าชุดเซต Mama Limited Edition 50 th Anniversary ฉลองครบรอบ 50 ปี มาม่า 3 รสชาติ ได้แก่ มาม่าบะหมี่หยกแห้งเป็ดย่าง ,มาม่าเส้นโฮลวีตรสหมูพริกไทยดำ และมาม่าข้าวซอยไก่ 6 ซอง 60 บาท โดยเป็นสินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่น จำหน่ายระยะสั้นเท่านั้น อีกทั้งปัจจุบันภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตัวเลขการเติบโตลดลง ตลาดแมสจะโตช้ากว่ากลุ่มพรีเมียม โดยมาม่าถือส่วนแบ่งตลาดประมาณ 50%

นางสาวพจนา พะเนียงเวทย์ กรรมบริษัทและกรรมการธรรมาภิบาลและบริหารความเสี่ยง บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า ส่วนตลาดต่างประเทศ ที่ผ่านมาบริษัททำตลาดไป 68 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลิตภัณฑ์มาม่าเป็นแบรนด์หลัก โดยมีทั้งส่งออกจากโรงงานในไทย และส่งจากโรงงานในต่างประเทศ 4 แห่ง สินค้าแบ่งเป็น 3 ส่วน อาทิ สินค้าแมส ,พรีเมียมและไฮแวลู่ โดยมีเป้าหมายทำตลาดมากกว่า Beyond Export นั้นคือ Global Market ซึ่งจะเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมและไฮแวลู่มากขึ้นรวมไปถึงการปรับดีไซน์และขนาดแพคเกจจิ้งให้เหมาะกับตลาดในแต่ละประเทศมากขึ้น รวมไปถึงเน้นช่องทางการทำตลาด จัดโปรโมชั่นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ร่วมกับคู่ค้า

พร้อมกันนี้ ในอนาคตยังมีแนวโน้มขยายการลงทุนเพิ่มในต่างประเทศ ทั้งการฐานการผลิต โดยเบื้องต้นจะขยายที่แอฟริกา ที่ปกติจะต้องเสียภาษีนำเข้า 25% ถ้าไปตั้งโรงงานผลิตจะได้ไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งปัจจุบันโรงงานผลิตมาม่าในต่างประเทศ ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ฮังการี และบังกลาเทศ สำหรับในปี 2565 ภาพรวมยอดขายแบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30% และตลาดส่งออกต่างประเทศ มีรายได้ 5,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น ส่วนในประเทศชะลอตัวเพราะโควิด โดยจากนี้มีเป้าหมายต้องการบาลานซ์สัดส่วนรายได้ทั้งต่างประเทศและในประเทศให้ได้ 50:50 ภายในระยะเวลา 5 ปี



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ