อาชีพนักขายเป็นอาชีพที่มีอิสระทางด้านเวลา สามารถบริหารจัดการด้วย ตนเอง ทำให้ได้พบปะกับผู้คนหลากหลายกลุ่มหลากหลายประเภท โดยงาน ขายเป็นงานที่ให้ผลตอบแทนในรูปของตัวเงินค่อนข้างสูง เป็นงานที่ให้โอกาส ให้ความก้าวหน้า และที่สำคัญงานขายเป็นงานที่สำคัญมีความจำเป็นสำหรับ องค์กรธุรกิจทุกองค์กรซึ่งต้องมีการขายทั้งในรูปของการขายสินค้าและบริการ เพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้และกำไร
พื้นฐานของผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักขายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยทักษะความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์และการพัฒนาควบคู่ไปกับ คุณธรรมจริยธรรม และมีหลักคิดหนึ่งที่น่าจะช่วยให้นักขายทั้งหลายสามารถ พัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีปัญญามีทักษะความรู้เพื่อใช้ในการดำเนินงานการขายให้มีความเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ ซึ่งทักษะแห่งความสำเร็จ ของนักขายจะประกอบด้วย
1.ทักษะการฟัง การฟังเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจกับเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า เป็นการรับข่าวสารและสาระทั้งปวงอย่างตั้งใจ นักขายจะต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ตั้งใจ ฟังลูกค้าและจะต้องไม่พูดแทรกเมื่อลูกค้ายังพูดไม่จบประเด็นหรือไม่พูดแทรก ขณะที่ลูกค้ากำลังพูดถึงข้อโต้แย้งโดยต้องปล่อยให้ลูกค้าพูดข้อโต้แย้งให้จบก่อน เพราะถ้านักขายเกิดความใจร้อนต้องการรีบอธิบาย เพื่อสร้างความ เข้าใจที่ถูกต้องกับลูกค้าทันทีที่ได้ยินข้อโต้แย้ง หรือการพูดตัดบทเพื่อไม่ให้ลูกค้าโต้แย้งในการนำเสนอขายของตน ก็อาจส่งผลให้ลูกค้ามีความอึดอัด สับสน และไม่แน่ใจในคำตอบของนักขาย ซึ่งย่อมไม่เป็นผลดีต่อการนำเสนอ ขาย การฟังที่ก่อให้เกิดทักษะและปัญญานั้นนักขายจะต้องฟังอย่างมีสติ ต้อง ใช้วิจารณญาณในการรับฟังเรื่องราวต่างๆ อย่างเหมาะสม สามารถนำข้อมูล และสาระจากการฟังไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ นักขาย ที่ดีต้อง "ฟังหูไว้หู ไม่หูเบา"
2.ทักษะจากการคิด สำหรับอาชีพนักขายการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องแสดงออกถึงการรู้จักคิด คิดเป็นและคิดบวก เปิดใจยอมรับความคิดใหม่ๆ มีการไตร่ตรองความรู้สึกนึกคิดของตนอย่างรอบคอบและทันท่วงที บางครั้ง การเผชิญหน้ากับลูกค้าโดยตรงก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ดังนั้น การใช้ความคิด ใช้เหตุผลในการวิเคราะห์และมีการเพิ่มพูน ความรู้จากประสบการณ์ด้านต่างๆ ก็จะช่วยให้เกิดการจินตนาการและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จนสามารถนำเสนอขายและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่าง มีศิลปะ ทั้งนี้ การรู้จักคิดอาจเป็นผลมาจากการเป็นผู้ฟังที่ดี สามารถรับข้อมูล ข่าวสารได้อย่างถูกต้องและเข้าใจ จนนำไปสู่การคิดวิเคราะห์ได้อย่างสอดคล้องกัน
3.ทักษะจากการถาม คงไม่มีใครที่จะรู้หรือเก่งไปทุกเรื่อง ผู้ไม่รู้ย่อมต้องถามผู้รู้ อย่าอายที่จะถามในสิ่งที่ไม่รู้ ดังนั้น เมื่อนักขายจะต้องเจอกับเรื่องราวหรือสถานการณ์ที่ตนเองไม่เคยสัมผัสหรือไม่สามารถไขข้อข้องใจได้ และมีความปรารถนาที่จะต้องหาคำตอบเพื่อไม่ให้ปัญหานั้นงอกเงย ก็จะต้อง ตั้งคำถามเพื่อถามผู้รู้หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง และคำถามจะ ต้องเป็นคำถามที่มีความชัดเจนมีสาระสำคัญ ผู้ตอบสามารถให้คำตอบได้ตรง ประเด็น และมีความเข้าใจง่ายเข้าใจตรงกันทั้งผู้ถามและผู้ตอบ การถามเพื่อ หาคำตอบนั้นบางครั้งสามารถทำให้นักขายเข้าใจถึงความต้องการและทัศนคติ ของผู้ตอบ จนนำไปสู่การนำเสนอขายที่มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนอง ต่อความพึงพอใจของลูกค้าได้
4.ทักษะจากการจด คงเป็นไปไม่ได้ที่นักขายซึ่งต้องพบเจอกับลูกค้าที่ หลากหลายจะสามารถจำข้อมูลเนื้อหาสาระได้ทั้งหมด ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้อง มีการจดบันทึกด้วยวิธีการต่างๆ เมื่อฟังแล้วมีเนื้อหาที่น่าสนใจก็จดบันทึกไว้ เพื่อเตือนความจำจะได้ไม่ลืม หรือบางครั้งข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์โดยใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลก็อาจจะต้องมีการจดบันทึกไว้ รวมถึงคำตอบที่ได้รับ จากการถามซึ่งแสดงถึงความเข้าใจที่ตรงกันก็ต้องจดบันทึกไว้เช่นกัน ยิ่งจดบันทึกมากก็ยิ่งทำให้เกิดปัญญา เกิดทักษะ เกิดการเรียนรู้ เกิดการจดจำ แล้ว นำไปใช้ในการพัฒนาตนเองให้มีความเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ ในอาชีพการงาน
"ฟัง แล้วคิด ถาม แล้วจด" มีสติ สร้างปัญญา ด้วยใจที่คิดบวก เปิดใจยอมรับชีวิตก็จะเกิดภูมิคุ้มกัน เพื่อใช้เป็นอาวุธในการก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จที่รออยู่