กระบวนการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้น มีองค์ประกอบของการตัดสินใจมากขึ้น ทั้งสภาพแวดล้อมภายในและภายนอก รวมทั้งการเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารอันรวดเร็ว ด้วยแล้ว ทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่นั้นเป็นผู้บริโภคที่จะต้องหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้อ จะต้องเชื่อมั่นต่อสินค้าว่าเป็นสินค้าที่มี คุณภาพ และจะต้องพิจารณาถึงราคาของสินค้าควบคู่ไปด้วย ดังนั้น การผลิตสินค้าหรือการบริการต่างๆ ภายใต้ธุรกิจขายตรง จะต้องตระหนักและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนั่นคือ จุดเริ่มต้นที่ดี และจุดสุดท้ายสำหรับการดึงเงินออกมาจากกระเป๋าของผู้บริโภค ที่ขาดไม่ได้คือ การรู้ว่ากลุ่มเป้าหมาย สำคัญของสินค้าหรือบริการของเราคือ ผู้บริโภคกลุ่มใด มีความต้องการอย่างไร และ มีพฤติกรรมการเลือกซื้ออย่างไร อาจมีการ แบ่งตลาดที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อสามารถ สร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัท นาโน เซิร์ช จำกัด ได้ดำเนินการสำรวจข้อมูลกับผู้บริโภคจำนวน 200 ตัวอย่างเฉพาะในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เกี่ยวกับแนวคิดของผู้บริโภค ซึ่งเปรียบเทียบระหว่างการเลือกซื้อสินค้าใน ระบบธุรกิจขายตรงและระบบการจำหน่าย สินค้าทั่วไป โดยกลุ่มผู้บริโภคที่ทำการสำรวจ เป็นกลุ่มผู้บริโภคเพศชาย คิดเป็น 39.6% และเพศหญิง คิดเป็น 60.2% โดยอายุเฉลี่ย แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ อายุไม่เกิน 25 ปี คิดเป็น 28.7% อายุระหว่าง 26-30 ปี คิดเป็น 31.0% และอายุ 30 ปีขึ้นไป คิดเป็น 40.4% รายได้ของผู้บริโภคที่ทำการสำรวจ อยู่ในช่วงรายได้ประมาณ 20,000 บาท คิด เป็น 7.0% และรายได้อยู่ในช่วง 8,000 บาท, 10,000 บาท และ 40,000 บาท คิดเป็น 6.4% ในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งผู้บริโภคเป็นมี ระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน และมีสถานภาพโสดมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
พฤติกรรมของผู้บริโภคต่อการเลือกซื้อสินค้าภายใต้ระบบการจำหน่ายแบบธุรกิจขายตรงที่ผ่านมา พบว่า ผู้บริโภคโดย ส่วนใหญ่ยังไม่เคยเลือกซื้อสินค้าของธุรกิจมาก่อนเลย แต่รู้จักและเคยได้ยินระบบการจำหน่ายสินค้าแบบธุรกิจขายตรง คิดเป็น 39.2% ลำดับรองลงมาคือ มีพฤติกรรม ของการเลือกซื้อมากกว่า 3 เดือน คิดเป็น 34.5% และมีพฤติกรรมของการเลือกซื้อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 15.8% ตามลำดับ
ผู้บริโภคมีแนวคิดอย่างไรต่อการเลือกซื้อสินค้าของธุรกิจ ในความพยายามของบริษัทที่นำเสนอสินค้าออกมาหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ในรูปแบบต่างๆ หรือแม้กระทั่งการเจาะกลุ่ม เป้าหมายที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ภายใต้กระบวนการเหล่านั้น สิ่งที่จะสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นในใจของผู้บริโภคมากที่สุด คือ "ตัวสินค้าและบริการในธุรกิจขายตรง" คิดเป็น 20.1% ลำดับรองลงมาคือ "พนักงานหรือตัวแทนในการขายสินค้า" คิดเป็น 16.5% และ "ลักษณะ/ รูปแบบของตัวสินค้า เช่น ขนาด รูปร่าง สีสันการออกแบบ" คิดเป็น 13.7% ตามลำดับ
และจากข้อมูลซึ่งได้ทำการสอบถามจากกลุ่มผู้บริโภคเกี่ยวกับแนวโน้มพฤติกรรมของการเลือกซื้อสินค้าในระบบธุรกิจขายตรงนั้น พบว่าในอนาคตนั้นผู้บริโภคคิดว่า การเลือกซื้อสินค้าในธุรกิจขายตรงคงยังมีการเลือกซื้อเท่าเดิม คิดเป็น 79% พฤติกรรมของการเลือกซื้อมากขึ้นมีเพียง 9% และจะมีพฤติกรรมของการเลือกซื้อน้อยลง 12%
เนื่องจากกลุ่มตัวอย่าง ที่ทำการสอบถามนั้นโดยส่วนใหญ่ยังไม่เคยซื้อสินค้าของธุรกิจขายตรง ดังนั้น ข้อมูลในจุดนี้จะทำอย่างไรให้กลุ่มผู้บริโภคที่ไม่เคยเลือกซื้อสินค้า เพียงแต่รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อ สามารถเข้าถึง สินค้าของระบบธุรกิจขายตรงได้และให้การยอมรับสินค้าในระบบธุรกิจ ขายตรงเพิ่มมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน