เครือข่ายเยาวชนจี้ อว.เอาจริงแก้ปัญหารับน้องรุนแรง

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565

เครือข่ายเยาวชนจี้ อว.เอาจริงแก้ปัญหารับน้องรุนแรง


เครือข่ายเยาวชน ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรี อว. จี้เอาจริงแก้ปัญหารับน้องรุนแรงซ้ำซาก เสนอ 4 แนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว ย้ำนักศึกษาที่ถูกกระทำอย่ายอมจำนนกับความไม่ถูกต้อง

ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง กลุ่ม ANTI SOTUS และเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) เดินทางไปยื่นหนังสือถึง ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อเรียกร้องให้มีการรับเพื่อนใหม่ของสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์ หลังเกิดเหตุนักศึกษาปริญญาวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรมวิชาชีพ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย พร้อมกันนี้ทางเครือข่ายยังได้ร่วมกันวางดอกไม้และอ่านกวีไว้อาลัยความสูญเสีย   พร้อมชูป้ายข้อความสะท้อนความเห็นต่อการแก้ไขปัญหาการรับน้อง อาทิ  “รับน้องรุนแรง ไม่สร้างสรรค์ = สูญเสีย”... “เมื่อไหร่ อ.ว.จะจัดการ ปัญหารับน้องรุนแรง”...  “รับน้องปลอดภัย ปราศจากความรุนแรงและอบายมุข” ทั้งนี้ ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง อว. และรศ.ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์  รองปลัดกระทรวงอว. เป็นผู้แทนมารับหนังสือ

 นายอธิวัฒน์  เนียมมีศรี หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ทางเครือข่ายได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากแทบทุกสถาบัน ทุกฤดูกาลที่มีการรับน้องก็จะพบข่าวการสูญเสียออกมาเสมอ หรือมีลักษณะการรับน้องด้วยความรุนแรงทั้งทางร่างกาย วาจา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับปัญญาชน อนาคตของชาติ แต่พอเกิดเหตุครั้งหนึ่งก็จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาพูดถึงปัญหา แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน คำกล่าวที่อยากให้ความสูญเสียครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย  มันไม่เคยเป็นจริงได้เลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  นั่นแสดงว่าระบบการกำกับดูแลยังมีช่องว่างอยู่มาก  มาตรการวัวหายล้อมคอกที่ทำกัน  หลังเกิดปัญหามันเอาไม่อยู่   

 “จากการกระทำของรุ่นพี่ดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันบังคับข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด  ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น   อาจต้องรับโทษสูงสุดจำคุก 3 ปี หรือปรับอีกไม่เกิน 6,000 บาท  ตาม ป.อาญา มาตรา 309 ทั้งนี้หากผู้ลงมือกระทำเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยว  ถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย หรือรับอันตรายสาหัส ผู้กระทำอาจต้องรับโทษสูงสุด จำคุก 15 ปี  ตาม ป.อาญา มาตรา 310, 290 291 อีกด้วย  ซึ่งเรื่องนี้ทางมูลนิธิยินดีให้ความช่วยเหลือในทางคดีกับครอบครัวผู้สูญเสียอย่างเต็มที่  และขอให้น้องๆนักศึกษาที่ถูกกระทำไม่ว่าจะสถาบันใดก็ตาม  อย่ายอมจำนนกับความไม่ถูกต้องดังกล่าว  มูลนิธิฯและเครือข่ายพร้อมให้ความช่วยเหลือ ขอให้ประสานมา” นายอธิวัฒน์ กล่าว

 นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าปัญหารับน้องรุนแรงแบบนี้มันซุกอยู่ใต้พรมมานาน   ทั้งอาจารย์  เจ้าหน้าที่ก็ปากว่าตาขยิบ หลายแห่งที่จัดทำโครงการนอกสถานที่  ใช้งบประมาณกิจกรรมนักศึกษามาบังหน้า  แต่ก็แฝงไปด้วยการรับน้องที่รุนแรงมึนเมาขาดสติ  หรือที่แอบจัดกิจกรรมกันเองโดยไม่ต้องใช้โครงการ  นัดกันไปตามสถานที่ต่างๆแล้วก็ชวนรุ่นพี่มาจัดการกับรุ่นน้องด้วยความรุนแรงทั้งวาจาและทำร้ายร่างกาย  กรอกเหล้า  เสพยา  ชกต่อยเตะ  จับโยน  สารพัดวิธีที่อ้างว่าทำไปเพื่อความรักสถาบันรักพี่น้อง  ซึ่งทั้งหมดเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ทั้งสิ้น  ความรุนแรงทุกรูปแบบมันควรจบสิ้นไปได้แล้ว  การเคารพให้เกียรติกันทั้งเนื้อตัวร่างกาย  เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่างหากคือสิ่งที่ต้องปลูกฝังกัน  ไม่ใช่พฤติกรรมล้าหลังเช่นนั้น

 “เครือข่ายฯ ขอเรียกร้อง อว.ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาความสูญเสียที่เกิดจากการรับน้อง ดังนี้ 1. ขอให้เร่งตรวจสอบสถานศึกษาแห่งนี้ ว่ามีการปล่อยปละละเลย จนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียในครั้งนี้หรือไม่ และการติดตามให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียเหมาะสมหรือไม่   ตลอดจนควรมีมาตรการขั้นเด็ดขาดกับผู้ที่ก่อเหตุทั้งในทางกฎหมายและวินัยนักศึกษา เพื่อมิให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก  2. ขอให้ทบทวนมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่และกิจกรรมอื่นๆในสถาบันการศึกษา ให้เป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ใช่มีเพียงประกาศที่เป็นเหมือนเสือกระดาษเพราะไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง  โดยควรปรับให้เป็นกิจกรรมรับเพื่อนใหม่ ที่ลดทอนการใช้อำนาจลง  ส่งเสริมความเท่าเทียม  ห้ามใช้ความรุนแรง การละเมิดสิทธิทุกรูปแบบ  3. ขอให้มีรูปธรรมในการปลูกฝังเรื่องการเคารพสิทธิ  เนื้อตัวร่างกาย ความเท่าเทียม  ให้เกียรติกัน  และส่งเสริมให้จัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ปลอดภัยปลอดอบายมุข และ 4. ขอเรียกร้องต่อพี่น้องประชาชน ผู้ปกครอง ช่วยกันเป็นหูเป็นตา  เฝ้าระวังเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่ส่อไปในทางความรุนแรง ละเมิดสิทธิ   ด้วยการแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ  สถาบันการศึกษา  ฝ่ายปกครอง  เพื่อเข้าระงับเหตุก่อนที่จะเกิดความสูญเสีย” นายธีรภัทร์ กล่าว 

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ