“CRG” งัดยุทธศาสตร์เชิงรุกฟื้นวิกฤติธุรกิจอาหารปี 65 สร้าง “New S Curve” 4 กลยุทธ์หลักดันยอดขายโต 30%

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2565

“CRG”  งัดยุทธศาสตร์เชิงรุกฟื้นวิกฤติธุรกิจอาหารปี 65 สร้าง “New S Curve” 4 กลยุทธ์หลักดันยอดขายโต 30%


นาย ณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด(Central Restaurants Group Co., Ltd) หรือ ซีอาร์จี (CRG)” กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการร้านอาหารได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ระบาดอย่างมาก ซึ่งทางบริษัทเองก็ได้ทำการปรับตัว และมีความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องจนทำให้บริษัทประคองตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในองค์กรที่ยืนหยัดและก้าวข้ามวิกฤติได้ และในปีนี้เอง บริษัทได้วางแนวทางการดำเนินธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 ภายใต้ยุทธศาสตร์เชิงรุก “GREATER WE: ซีอาร์จี จะยิ่งใหญ่กว่าเดิม” โดยตั้งเป้าพัฒนาการเติบโตธุรกิจร้านอาหารในรูปแบบ “New S Curve” ด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1. การขยายสาขาร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้าง ecosystem รองรับความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มสดใส ฟื้นตัวขึ้น ด้วยการเดินหน้าปูพรมขยายสาขาร้านอาหาร ในทำเลศักยภาพใหม่ ๆ ทั่วประเทศ จำนวนมากกว่า 200 สาขา โดยโฟกัสทำเลในห้างค้าปลีก ศูนย์การค้าต่างๆ และทำเลนอกห้าง ร้าน Stand Alone ในปั๊มน้ำมันควบคู่กันไป  จากปัจจุบันซีอาร์จี มีร้านอาหารทั้งสิ้น 17 แบรนด์ ได้แก่ มิสเตอร์ โดนัท, เคเอฟซี, อานตี้ แอนส์, เปปเปอร์ ลันช์, ชาบูตง ราเมน, โคล สโตน ครีมเมอรี่, ไทยเทอเรส, โยชิโนยะ, โอโตยะ, เทนยะ, คัตสึยะ, อร่อยดี, เกาลูน, สลัดแฟคทอรี่, บราวน์ , อาริกาโตะ และส้มตำนัว  มีสาขาให้บริการจำนวน 1,380 สาขา ทั่วประเทศ

2. เนรมิตและปรับโมเดลร้านแบบใหม่  ในรูปแบบ Shop in Shop การซีนเนอร์ยีแบรนด์ในเครือมาอยู่ในร้านเดียว โดยเฉพาะกรณีศึกษาแบรนด์ “มิสเตอร์ โดนัท” ที่มีการปรับตัวหลายด้าน เช่น ผนึกเครื่องดื่มอาริกาโตะให้บริการลูกค้า การเปิดร้าน Stand Alone ขยายสาขาเจาะสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) รวมไปถึงร้านรูปแบบใหม่ ได้แก่ คอนเทนเนอร์ สโตร์  ซึ่งเพิ่มโอกาสเติบโตได้อย่างมาก

3. เร่งเครื่องบริการเดลิเวอรี่และขยายคลาวด์คิทเช่น  ตอบไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งทั้งปีคาดการณ์ผลักดันยอดขายในช่องทางเดลิเวอรี่แตะ 3,500ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2564 ซึ่งมียอดขาย 3,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 40% จากปี 2563 และจะขยายคลาวด์คิทเช่นให้ครบ 20 สาขา เพื่อครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพฯ จากปัจจุบันมี 11 สาขา  

4. ผนึกพันธมิตรสู่ชัยชนะ เพิ่มโอกาสลงทุน M&A และ Joint Venture  การร่วมมือกับพันธมิตรร้านอาหาร 2 มิติ ได้แก่ 1) การซื้อและควบรวมกิจการ รวมถึงการร่วมทุน กับผู้ประกอบการร้านอาหารเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพมาขยายธุรกิจ โดยใช้จุดแข็งทั้ง 2 ฝ่ายสร้างการเติบโตไปด้วยกัน หรือเกิด Win-Win strategy โดยบริษัทมีจุดแข็งช่วยเสริมแกร่งพันธมิตรหลายด้าน เอื้อให้การขยับขยายธุรกิจมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น และ 2) การดึงพันธมิตรมาขยายร้านอาหารรูปแบบแฟรนไชส์ ต่อยอดจากมิสเตอร์ โดนัท และอร่อยดี ไปสู่แบรนด์อื่น ๆ ในเครือเพิ่มเติม เช่น เปปเปอร์ ลันช์และเดินหน้าผลักดัน “สลัดแฟคทอรี่” สร้างความสำเร็จขยายร้านไม่ต่ำกว่า 10 สาขา พัฒนาร้านรูปแบบใหม่เจาะสถานีบริการน้ำมัน เปิดในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมออกสินค้าพร้อมรับประทานสร้างการเติบโต

ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจร้านอาหารปี 2565 มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น จากปัจจัยผู้บริโภคมีความมั่นใจในการออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน รับประทานอาหารที่ร้านมากขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้เห็นการฟื้นตัวโตประมาณ 10% จากปี 2564 ตลาดมูลค่ามากกว่า 300,000ล้านบาท ติดลบมากกว่า 10% สัญญาณบวกธุรกิจร้านอาหารกลับมาเติบโตอีกครั้ง ส่วนบริษัทคาดการณ์รายได้ปีนี้อยู่ที่กว่า 12,100 ล้านบาท เติบโตเกือบ 30% เทียบจากปี 64 ที่ปิดรายได้ที่ 9,370 ล้านบาท สำหรับไตรมาสแรกของปีนี้เติบโตแล้ง 13-15%

ทั้งนี้ แม้ทิศทางธุรกิจร้านอาหารจะดีขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังต้องเผชิญโจทย์ทางธุรกิจที่สำคัญ อาทิ ต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น ราคาวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการรักษาความสะอาดและตรวจคัดกรองโรค ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ น่าจะสร้างแรงกดดันต่อกำไรสุทธิ รายได้ สภาพคล่อง และสถานะทางการเงิน การขยายธุรกิจเพื่อให้ได้scale จะช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อรอง และลดต้นทุนได้

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ