ขายตรงไทยและเทศพาเหรดยิ้มรับกระแสคืนความสุขจาก คสช. เร่งเดินหน้าขยายธุรกิจ อัดโปรโมชั่นเต็มสูบ แถมดันแผนการตลาดช่วงครึ่งปีหลังสุดๆ หวังโกยรายได้เพิ่ม เชื่อมั่นฝีมือ คสช.สามารถควบคุมสถานการณ์ประเทศ อยู่หมัด ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มส่อแววชัดเจนขึ้น มั่นใจธุรกิจเครือข่ายกลับมาฟื้นตัว
นางเพ็ญทิพย์ โปษยานนท์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท โซล คอร์ปอร์เรชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (SOL) เปิดเผยว่าโดยภาพรวมแล้วเชื่อว่าจะดีขึ้นเพราะเป็นการแก้ปัญหาที่เรื้อรังมานาน อาจมีคนได้รับผลกระทบบ้างแต่ถ้าทุกคนปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะกระบวนการแก้ปัญหาของทาง คสช.ถือว่าทำมาเพื่อคนส่วนรวม
ส่วนแผนการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง 2557 นั้น จากนี้ไป SOL จะให้ความสำคัญกับการขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งสาขาต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับสมาชิกและผู้นำสามารถซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันเรามีสาขาในประเทศทั้งหมด 6 สาขา และในอนาคตจะมีที่เวียงจันทน์ สปป.ลาว ส่วนที่เมียนมาร์ มี 2 สาขาคือที่พะอันและย่างกุ้ง
นอกจากนี้แล้ว ยังมีนโยบายในการ กระตุ้นความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค นั่นคือยึดมั่นกับการดำเนินธุรกิจในเส้นทางเครือข่ายสีขาว เพื่อให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจ เช่น ลูกค้ามีโอกาสได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพโดยการเน้นส่วนผสมและวัตถุดิบจากธรรมชาติ รวมทั้งพลังงานบริสุทธิ์ในระดับนาโนเทคโนโลยีทำให้ผู้ใช้เห็นผลจริง ที่ผ่านมา SOL ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากผู้บริโภคสามารถรับรู้ได้ว่าสินค้ามีประสิทธิภาพด้วยตัวเอง จึงเกิดความมั่นใจแนะนำต่อจาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จำนวนจึงเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่ นายศุภชาติ อังคสุวรรณศิริ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ออร์กาโน่ โกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่าที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในช่วงที่เกิดวิกฤติทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อ ภาคธุรกิจอย่างชัดเจน สำหรับธุรกิจ ขายตรงนั้นพบว่าคนให้ความสนใจและให้น้ำหนักที่เรื่องทางการเมืองมากกว่าเรื่อง อื่นๆ แต่หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามามีอำนาจในการบริหารประเทศ ทำให้ผลลัพธ์ไปในทางบวกที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ทั้งนี้เงื่อนไขสำคัญก็คือจะต้องไม่ยืดเยื้อ มีการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมอย่างเร็วที่สุด
“แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ทางการเมือง แต่ทางด้านยอดขายของออร์กาโน่โกลด์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการเติบโตขึ้นกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน สาเหตุเพราะบริษัทมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเร็วๆ นี้บริษัทได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้นำระดับสูงในการเดินทางไปเยี่ยมชมฟาร์มเห็ดที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการผลิตสินค้าคุณภาพป้อนสู่ออร์กาโน่โกลด์”
นอกจากนี้ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน บริษัทยังได้เตรียมจัดงานใหญ่ โดยเชิญ บุคคลที่มีรายได้สูงเป็นอันดับต้นๆ ของบริษัทติดอันดับโลกมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เปิดมุมมองให้นักธุรกิจและสมาชิกออร์กาโน่โกลด์อีกด้วย นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่บริษัทเตรียมแผนงาน เอาไว้รุกตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ส่วนทาง มร.เมียง วัน คิม กรรมการบริหาร บริษัท รูอัน เวิลด์ (ไทยแลนด์) จำกัด ขายตรงสัญชาติเกาหลี เผยถึงการบริหารจัดการธุรกิจ ภายใต้สถานการณ์การเมืองไทยที่ผ่านมาว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองไทยเปรียบเสมือนเครื่องพิสูจน์ความมั่นคงในโครงสร้างการบริหารจัดการแบรนด์ธุรกิจรูอัน เวิลด์ต่อฝ่ายบริหาร รวมถึงสมาชิกทุกคน
ซึ่งโครงสร้างธุรกิจของเราได้รับการถ่ายทอดจากบริษัทแม่ รูอัน ประเทศเกาหลี ที่มุ่งเน้นการสร้างบุคลากรและทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผสานเข้ากับแผนธุรกิจที่สามารถรองรับฟังก์ชั่นการทำงานของสมาชิกได้อย่างลงตัว ทำให้สมาชิกทุกรหัสยังคงทำงานได้ตามปกติ เพราะค่ายของเราเป็นธุรกิจที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ความงาม ซึ่งมีความสอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่รักและดูแลสุขภาพผิวอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยอดขายยังคงอยู่ในเป้าหมายที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ทางฝ่ายบริหารต่างเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้น และสมรภูมิเครือข่ายไทยจะเป็นที่น่าจับตามองมากยิ่งขึ้น โดยทางค่ายเองกำลังจะนำเข้าผลิตภัณฑ์ไลน์ใหม่ RUAN Powder Mark ผงมาสก์บำรุงผิวหน้าเข้ามาเดินเกมรุกตลาดบิวตี้ไทยต่อไป
เช่นเดียวกับ นายสมชาย ติงสมิธ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อัลฟ่า ไบโอ เทคโนโลยี จำกัด ได้เผยว่า การเมืองไม่ได้กระทบต่อการเติบโตของธุรกิจเท่าใดนัก โดยเฉพาะบริษัทที่มีขนาดเล็ก ส่วนแบ่งการตลาดยังไม่มาก ทำให้การเคลื่อนไหวคล่องแคล่วกว่าค่ายใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บริษัทก็ต้องมีการเตรียมพร้อมให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดอยู่เสมอ
“เรามีการเตรียมพร้อมตลอด นับตั้งแต่เปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ ทำให้ สมาชิกเกิดความเชื่อมั่น ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรก็ไม่กระทบเรามากนัก ที่สำคัญคือสินค้าจะต้องดีต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ครึ่งปีหลังนี้เราจะเดินหน้าเปิดเซ็นเตอร์โดยสนับสนุนให้ผู้นำเป็นคนดูแลศูนย์ ตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง เป็นแรงจูงใจให้ผู้นำร่วมธุรกิจกับเรา ขณะนี้เรามีอยู่ 50 เซ็นเตอร์ ทั่วประเทศ และจะกระจายออกไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่” นายสมชาย กล่าว
ปิดท้ายที่ขายตรงออนไลน์ บริษัท คัดสรร อินโนเทค จำกัด โดย นายวิศว์ธิชัย นำทรัพย์เจริญ ประธานบริหาร กล่าวว่า บริษัทแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ดังนั้น เมื่อมี การรัฐประหารเกิดขึ้นก็แทบไม่ต้องมีการปรับตัวมากนัก แต่หากมองด้านยอดขาย หากไม่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ บริษัทอาจ สามารถทำการขายสินค้าได้มากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
“แทบไม่มีผลกระทบเราเป็นอีคอมเมิร์ซ ยอดเราไม่ได้ตกลงเลย แต่ธุรกิจอื่นๆ อย่างโรงแรม พวกนี้โดนเต็มๆ แต่โดยรวมมีผลกระทบอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ขายตรง พวกขายของวิธีให้ลูกค้าวอล์กอินเข้ามา รวมถึงตลาดที่ต้องพึ่งพิงเงินตราต่างประเทศ ตรงนี้ต่างชาติหายหมด ยอดขายก็ตกหมด เกือบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ออเดอร์ถูกยกเลิกแต่สินค้าอะไรก็ได้ในขายตรงมีผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจอื่นเพราะมุ่งหวังที่จะทำเงินอยู่แล้ว”
นายวิศว์ธิชัย กล่าวต่อว่าการทำรัฐประหารคิดว่าไม่มีอะไรน่ากังวล ในฐานะนักธุรกิจก็คงต้องเฝ้ามองและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ แต่อย่างไรก็ตาม จุดนี้ แสดงถึงความเด็ดขาดและความชัดเจนของประเทศว่าจะเดินต่อไปทางไหน คิดว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อยโดยเร็ว