“ไทยเฮลท์” โหมทำยอดขายตามเป้า 500 ล้านบาท วางเกมการตลาดครบสูตรทั้งออนไลน์ รวมถึงผุดศูนย์กระจายสินค้าใหม่ทั้งพัทยาและขอนแก่น พร้อมเซ็น MOU ร่วมกับองค์การตลาดสร้างแบรนด์ “ข้าวพราวไทย” ข้าวหอมมะลิอินทรีย์แท้ ปลอดสารพิษ 100% หวังดันยอดขาย 3 แสนตันในสิ้นปี
นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานกรรมการ “ไทยเฮลท์ กรุ๊ป” เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกว่า ค่อนข้างได้รับผลกระทบบ้างจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจแต่ยังคงมีผลประกอบการอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ด้วยยอดขายประมาณ 200 ล้านบาท สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังจึงมีแผนมุ่งเน้นทำการตลาดของ บริษัท ไทยเฮลท์ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในระบบขายตรงของ “ไทยเฮลท์ กรุ๊ป” อีกทางหนึ่งโดยจะเน้นการขยายฐานผู้นำองค์กรที่แข็งแกร่ง พร้อมจัดกิจกรรมการตลาดเป็นเครื่องมือช่วยการทำงานให้ผู้นำสามารถขยายธุรกิจและทำการตลาดได้ง่ายขึ้น       
“ไทยเฮลท์ กรุ๊ป” ถือเป็นผู้นำการตลาดแบบตรงลูกผสมสื่อ จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการส่งผ่านข้อมูลของบริษัท และการจัดฝึกอบรมผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์แห่งโลกสังคมออนไลน์ พร้อมเปิดศูนย์กลางกระจายสินค้าในภาคตะวันออกที่เมืองพัทยาจ.ชลบุรี และภาคอีสานในจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ 4-5 รายการใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ กล่าวคือ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนัก สินค้าอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่คือ กลุ่มดูแลผิวพรรณภายใต้ชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ “เรโวลูชั่น” (Revolution) โดยมั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2557 จะสามารถปิดยอดขายได้ 500 ล้านบาทอย่างแน่นอน”
นายพันธ์ยศ กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ “ไทยเฮลท์ กรุ๊ป” ได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือทางการค้า (MOU) กับองค์การตลาด (อต.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย ในการเป็นตัวแทนทางการค้าให้แก่องค์การตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ข้าวหอมมะลิอินทรีย์แท้ปลอดสารพิษ 100% เกรดพรีเมี่ยม ภายใต้ชื่อ “ข้าวพราวไทย” ให้เป็นที่รู้จัก ไปทั่วโลก โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือน กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ในราคากล่องละ 159 บาท ปริมาณกล่องละ 1 กิโลกรัม พร้อมตั้งเป้ายอดจำหน่ายภายในสิ้นปี 2557 ประมาณ 3 แสนตัน
“การพัฒนาข้าวพราวไทยเกิดขึ้นจากความต้องการผลิตข้าวคุณภาพสูงให้คนไทยได้รับประทาน เนื่องจากปัจจุบันคนไทยได้ รับประทานข้าวไทยที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานการส่งออกมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังต้องการสร้างชื่อเสียงข้าวไทยให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติในฐานะแบรนด์ที่เป็นความภูมิใจของคนทั้งโลก บริษัทจึงมีการจัดสรรงบประมาณด้านการตลาดประมาณ 10 ล้านบาทในการวางแผนจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานราชการและเอกชนต่างๆ ทั้งไปรษณีย์ไทย โรงพยาบาล โรงแรม ร้านค้า สหกรณ์ รวมถึงช่องทางการตลาดแบบตรงผ่านระบบสมาชิกและร้านค้าของบริษัทตลอดจนการออกบูธงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ” นายพันธ์ยศ กล่าวทิ้งท้าย