Toggle navigation
วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
ขายตรง
เด้งรับ คสช.ตั้ง ‘ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ ’ หวังอานิสงส์ดันยอดร้องพุ่งทะลุแสนต่อปี
เด้งรับ คสช.ตั้ง ‘ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ ’ หวังอานิสงส์ดันยอดร้องพุ่งทะลุแสนต่อปี
วันอังคารที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2557
Tweet
สคบ.เด้งรับ คสช. หลังได้รับไฟเขียวตั้ง “คณะกรรมการขับเคลื่อน ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ” มั่นใจจะช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ สามารถดูแลผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงโดยเฉพาะในระดับภูมิภาค เชื่อจะมีตัวเลขการร้องเรียนพุ่งทะลุ 1 แสน คาดจัดตั้งสำเร็จภายในสิ้นปี 57 เตรียมลุยจัดระเบียบขายตรงก๊อกสองเร็วๆ นี้
ภายหลังที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ จากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นชอบการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ ด้วยการรวบรวมงานด้านการคุ้มครอง ผู้บริโภคของ 10 กระทรวง และ 20 กรม เข้ามารวมกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดความรวดเร็วขึ้น
ล่าสุด ร.ต.ไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกมากล่าวถึงหน้าที่หลักของศูนย์ฯ ดังกล่าวว่า เป็นการรวบรวมงานที่ ซ้ำซ้อนของแต่ละหน่วยงาน ที่มีข้อกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครอง ผู้บริโภคมาเร่งดำเนินการแก้ไขในจุดเดียว เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ล่าช้า ขณะเดียวกันจะมีหน่วยงานสคบ.ในระดับภูมิภาคคอยรับเรื่องร้องเรียน และไกล่เกลี่ยให้จบภายในระดับภูมิภาค รวมถึงสร้างองค์ความรู้ และสร้างเครือข่ายระดับท้องถิ่นด้วย
“ถือเป็นการแก้ไขปัญหาในภาพรวมทั้งหมด เพราะปัจจุบันมีการแยกออกเป็นหลายกระทรวงและกฎหมายข้อบังคับก็ต่างกัน ทำให้เวลาเกิดปัญหาการร้องเรียนด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ภาระหนักจะตกมาที่เจ้าหน้าที่ สคบ. ดังนั้น การจัดตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้ในทันที เพราะทุกกระทรวงและทุกกรมจะต้องทำตามกฎกติกาที่ออกมาเหมือนกัน ซึ่งภาพรวมจะส่งผลดีเป็นไปในแนวทางเดียวกัน”
นอกจากนี้ ทาง สคบ.กำลังจะส่งเรื่องให้ทาง คสช. อนุมัติพิจารณาแต่งตั้ง “คณะกรรมการขับเคลื่อนศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ” เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดกรอบนโยบายแนวทางการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของชาติ และยังส่งผลดีต่อธุรกิจทุกภาคส่วนโดยเฉพาะธุรกิจขายตรงที่ เวลานี้มีการเติบโตขึ้นอย่างมาก เพราะ สร้างมูลค่าการตลาดให้กับประเทศ ชาติเป็นอย่างมาก คาดว่าศูนย์ฯ ดังกล่าวนี้จะจัดตั้งเสร็จเรียบร้อย พร้อมทำงานภายในปี 2557 นี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หากมีศูนย์ดังกล่าวขึ้นมา คงทำให้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงการร้องเรียนได้มากขึ้น เพราะปัจจุบันการร้องเรียนส่วนใหญ่มักอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งแต่ละปีมีจำนวนการร้องเรียนเพียง 8,000-10,000 เรื่อง แต่ถ้าศูนย์ฯดังกล่าวเกิดขึ้นจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าใจ เข้าถึงและพึ่ง สคบ.ได้ คงทำให้ยอดการร้องเรียนเพิ่มขึ้นถึงปีละ 100,000 เรื่องขึ้นไป อีกทั้งตามโครงสร้างของศูนย์ดังกล่าวยังมีกองทุนเยียวยาผู้บริโภคที่มีหน้าที่ในการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้ผู้บริโภคในช่วงที่คดีกำลังอยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้องด้วย
“ร.ต.ไพโรจน์” ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าเร็วๆ นี้ นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการ สคบ. ได้ประสานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลบริษัทจดทะเบียนประเภทขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งเดิมมีการขอจดทะเบียนธุรกิจประมาณ 800 บริษัทว่าปัจจุบันบริษัททั้งหมดยังดำเนินธุรกิจอยู่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลครั้งล่าสุดของ สคบ.พบว่า บริษัทที่ประกอบธุรกิจจริงมีอยู่เพียง 353 รายเท่านั้น จึงเกรงว่าบริษัทที่เหลืออาจใช้ช่องว่างการเป็นบริษัทขายตรงที่ได้จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำหน่ายสินค้าที่ผิดกฎหมายให้แก่ประชาชนได้
“ปีที่ผ่านมา สคบ.ได้เปิดให้ผู้ประกอบการขายตรงมาขึ้นทะเบียนกับ สคบ. เพื่อตรวจสอบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีบริษัทขายตรงกี่บริษัท และก็พบว่ามีอยู่เกือบ 1,000 บริษัทที่ประกอบธุรกิจขายตรง แยกสาขาออกไปหลายประเภท เช่น สินค้าอุปโภคและบริโภค ผลิตภัณฑ์ยา อาหารเสริม และสิ่งของอื่นๆ ดังนั้น ต้องมาตรวจสอบข้อมูลดูอีกครั้งว่าเมื่อจดทะเบียนไปแล้วยังประกอบธุรกิจอยู่หรือเลิกไปแล้ว และถ้าประกอบธุรกิจ อยู่ แต่ยังขายสินค้าเหมือนตามที่เคย แจ้งไว้หรือไม่ ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ จะช่วยสร้างความชัดเจนให้แก่ผู้บริโภค ว่าปลอดภัยและไม่ถูกหลอกลวง” ร.ต.ไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
Happy MPM Business Trip @ จันทบุรี...
...
กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine Roya...
...
กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine Adva...
...
“แอมเวย์” ยกระดับสินค้าเพื่อสุขภาพ เปิดต...
...
“กิฟฟารีน” ฉลองความสำเร็จ 29 ปี จัดใหญ่ ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ