Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
ขายตรง
ดึง ‘อย. - สมอ. - ปคบ.’ ร่วมศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคเล็งตรวจแถวธุรกิจขายตรงหวั่นธุรกิจผีระบาด
ดึง ‘อย. - สมอ. - ปคบ.’ ร่วมศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคเล็งตรวจแถวธุรกิจขายตรงหวั่นธุรกิจผีระบาด
วันอังคารที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2557
Tweet
เดินเครื่องตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน “ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ” รับลูก คสช. คืนความสุขคนไทย สคบ.เล็งผนึก “อย.-สมอ.-ปคบ.” ขจัดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน เลขาฯ สคบ.ประสานเสียงเชื่อจะช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุสามารถดูแลผู้บริโภคทั่วถึง เล็งตรวจสอบธุรกิจขายตรงแฝง
ปัจจุบันการดำเนินงานของหน่วยงานในการให้ความคุ้มครองดูแลผู้บริโภคถูกกระจัดกระจายขึ้นอยู่กับหลายหน่วยงาน หลายกระทรวง จนทำให้ถูกมองว่าเป็น การทำงานที่ซ้ำซ้อน สร้างความสับสนให้กับประชาชน จึงได้เกิดแนวความคิดที่จะผลักดันให้ทุกองค์กรรวมกันอยู่ในหน่วยงานเดียว เพื่อความสะดวกในการทำงาน ทำให้การช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ความคืบหน้าล่าสุด นาย อำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่าได้หารือกันกับทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ผู้ดูแลหน่วยงาน ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ในเบื้องต้นจะผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนตามแผนแม่บทของ สคบ.
โดยเห็นว่า หน่วยงานที่ควรจะมารวมกันในเบื้องต้น ประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ปัจจุบันหน่วยงานดังกล่าวขึ้นตรงต่อกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. ที่ปัจจุบันขึ้นตรงกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งกองบังคับการปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เนื่อง จากการทำงานของทั้ง 3 หน่วยงานมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของการทำงานกับผู้บริโภค
ด้าน ร.ต.ไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ทาง สคบ.กำลัง จะส่งเรื่องให้ทาง คสช.อนุมัติพิจารณาแต่งตั้ง “คณะกรรมการขับเคลื่อนศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ” เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดกรอบนโยบายแนวทางการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของชาติ และยังส่งผลดีต่อธุรกิจทุกภาคส่วนโดยเฉพาะธุรกิจขายตรงที่ในเวลานี้เติบโตขึ้นอย่างมาก เพราะสร้างมูลค่าการตลาดให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมาก คาดว่าศูนย์ ดังกล่าวนี้จะจัดตั้งเสร็จเรียบร้อย พร้อมทำงานภายในปี 2557 นี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หากมีศูนย์ดังกล่าวขึ้นมาคงทำให้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงการร้องเรียนได้มากขึ้น เพราะปัจจุบันการร้องเรียนส่วนใหญ่มักอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ละปีจึงมีจำนวนการร้องเรียนเพียง 8,000-10,000 เรื่อง แต่ถ้าศูนย์ฯดังกล่าวเกิดขึ้นจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าใจ เข้าถึงและพึ่ง สคบ.ได้ คงทำให้ยอดการร้องเรียนเพิ่มขึ้นถึงปีละ 100,000 เรื่องขึ้นไป อีกทั้งตามโครงสร้างของศูนย์ดังกล่าวยังมีกองทุนเยียวยาผู้บริโภคที่มีหน้าที่ ในการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้ผู้บริโภคในช่วงที่คดีกำลังอยู่ใน ขั้นตอนการฟ้องร้องด้วย นอกจากนี้ ยังจะเดินหน้าผลักดันจัดตั้ง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดขึ้น เพื่อดูแลประชาชนในแต่ละภูมิภาคอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว แต่ยอมรับว่าอาจจะมีการติดขัดในเรื่องของงบประมาณจากส่วนกลางที่จัดสรรให้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อรัฐบาลชุดใหม่ สคบ.จึงมีแนวคิดที่จะขอความร่วมมือในการทำงานร่วมกับหน่วยงาน อื่นๆ ของภาครัฐที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชน เช่น มูลนิธิดำรงชัยธรรม และสำนักงานยุติธรรมจังหวัด เพื่อให้เข้ามาทำงานร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ สคบ.ที่ถูกส่งไปปฏิบัติงานในแต่ละจังหวัด จังหวัดละประมาณ 3-5 คน ถือเป็นการ บูรณาการตามแนวนโยบายของภาครัฐ
ร.ต.ไพโรจน์ ยังได้กล่าวต่อว่า สคบ.ยังได้ประสานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลบริษัท จดทะเบียนประเภทขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งเดิมมีการขอจดทะเบียนธุรกิจประมาณ 800 บริษัทว่า ปัจจุบันบริษัททั้งหมดยังดำเนินธุรกิจอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลครั้งล่าสุดของ สคบ.พบว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจจริงมีอยู่เพียง 353 รายเท่านั้น จึงเกรงว่าบริษัทที่เหลือ อาจใช้ช่องว่างการเป็นบริษัทขายตรงที่ได้จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำหน่ายสินค้าที่ผิดกฎหมายให้แก่ประชาชนได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
Happy MPM Business Trip @ จันทบุรี...
...
กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine Roya...
...
กิฟฟารีน แนะนำไอเท็มเด็ด “Giffarine Adva...
...
“แอมเวย์” ยกระดับสินค้าเพื่อสุขภาพ เปิดต...
...
“กิฟฟารีน” ฉลองความสำเร็จ 29 ปี จัดใหญ่ ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ