ดึง ‘อย. - สมอ. - ปคบ.’ ร่วมศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคเล็งตรวจแถวธุรกิจขายตรงหวั่นธุรกิจผีระบาด

วันอังคารที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2557

ดึง ‘อย. - สมอ. - ปคบ.’ ร่วมศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคเล็งตรวจแถวธุรกิจขายตรงหวั่นธุรกิจผีระบาด


เดินเครื่องตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน “ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ” รับลูก คสช. คืนความสุขคนไทย สคบ.เล็งผนึก “อย.-สมอ.-ปคบ.” ขจัดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อน เลขาฯ สคบ.ประสานเสียงเชื่อจะช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุสามารถดูแลผู้บริโภคทั่วถึง เล็งตรวจสอบธุรกิจขายตรงแฝง
ปัจจุบันการดำเนินงานของหน่วยงานในการให้ความคุ้มครองดูแลผู้บริโภคถูกกระจัดกระจายขึ้นอยู่กับหลายหน่วยงาน หลายกระทรวง จนทำให้ถูกมองว่าเป็น การทำงานที่ซ้ำซ้อน สร้างความสับสนให้กับประชาชน จึงได้เกิดแนวความคิดที่จะผลักดันให้ทุกองค์กรรวมกันอยู่ในหน่วยงานเดียว เพื่อความสะดวกในการทำงาน ทำให้การช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อน เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ความคืบหน้าล่าสุด นาย อำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่าได้หารือกันกับทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ผู้ดูแลหน่วยงาน ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ในเบื้องต้นจะผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนตามแผนแม่บทของ สคบ.
โดยเห็นว่า หน่วยงานที่ควรจะมารวมกันในเบื้องต้น ประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ปัจจุบันหน่วยงานดังกล่าวขึ้นตรงต่อกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. ที่ปัจจุบันขึ้นตรงกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งกองบังคับการปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เนื่อง จากการทำงานของทั้ง 3 หน่วยงานมีความคล้ายคลึงกันในแง่ของการทำงานกับผู้บริโภค
ด้าน ร.ต.ไพโรจน์ คนึงทรัพย์ ผู้อำนวยการกองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ทาง สคบ.กำลัง จะส่งเรื่องให้ทาง คสช.อนุมัติพิจารณาแต่งตั้ง “คณะกรรมการขับเคลื่อนศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคแห่งชาติ” เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดกรอบนโยบายแนวทางการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของชาติ และยังส่งผลดีต่อธุรกิจทุกภาคส่วนโดยเฉพาะธุรกิจขายตรงที่ในเวลานี้เติบโตขึ้นอย่างมาก เพราะสร้างมูลค่าการตลาดให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมาก คาดว่าศูนย์ ดังกล่าวนี้จะจัดตั้งเสร็จเรียบร้อย พร้อมทำงานภายในปี 2557 นี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หากมีศูนย์ดังกล่าวขึ้นมาคงทำให้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงการร้องเรียนได้มากขึ้น เพราะปัจจุบันการร้องเรียนส่วนใหญ่มักอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ละปีจึงมีจำนวนการร้องเรียนเพียง 8,000-10,000 เรื่อง แต่ถ้าศูนย์ฯดังกล่าวเกิดขึ้นจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าใจ เข้าถึงและพึ่ง สคบ.ได้ คงทำให้ยอดการร้องเรียนเพิ่มขึ้นถึงปีละ 100,000 เรื่องขึ้นไป อีกทั้งตามโครงสร้างของศูนย์ดังกล่าวยังมีกองทุนเยียวยาผู้บริโภคที่มีหน้าที่ ในการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้ผู้บริโภคในช่วงที่คดีกำลังอยู่ใน ขั้นตอนการฟ้องร้องด้วย นอกจากนี้ ยังจะเดินหน้าผลักดันจัดตั้ง สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดขึ้น เพื่อดูแลประชาชนในแต่ละภูมิภาคอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว แต่ยอมรับว่าอาจจะมีการติดขัดในเรื่องของงบประมาณจากส่วนกลางที่จัดสรรให้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อรัฐบาลชุดใหม่ สคบ.จึงมีแนวคิดที่จะขอความร่วมมือในการทำงานร่วมกับหน่วยงาน อื่นๆ ของภาครัฐที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชน เช่น มูลนิธิดำรงชัยธรรม และสำนักงานยุติธรรมจังหวัด เพื่อให้เข้ามาทำงานร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ สคบ.ที่ถูกส่งไปปฏิบัติงานในแต่ละจังหวัด จังหวัดละประมาณ 3-5 คน ถือเป็นการ บูรณาการตามแนวนโยบายของภาครัฐ
ร.ต.ไพโรจน์ ยังได้กล่าวต่อว่า สคบ.ยังได้ประสานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความร่วมมือให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลบริษัท จดทะเบียนประเภทขายตรงและตลาดแบบตรง ซึ่งเดิมมีการขอจดทะเบียนธุรกิจประมาณ 800 บริษัทว่า ปัจจุบันบริษัททั้งหมดยังดำเนินธุรกิจอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลครั้งล่าสุดของ สคบ.พบว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจจริงมีอยู่เพียง 353 รายเท่านั้น จึงเกรงว่าบริษัทที่เหลือ อาจใช้ช่องว่างการเป็นบริษัทขายตรงที่ได้จดทะเบียนไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำหน่ายสินค้าที่ผิดกฎหมายให้แก่ประชาชนได้


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ