"ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่" โชว์ผลงานไตรมาส 1/65 รายได้แตะ 3,331.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.05% กำไร 18.54 ล้านบาท อานิสงส์ปริมาณขายก๊าซ LPG ในประเทศพุ่ง 3.50% ด้านผู้บริหารส่งสัญญาณธุรกิจดีต่อเนื่อง ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายก๊าซเพิ่มเป็น 7.65 แสนตัน ดันรายได้โตไม่ต่ำกว่า 5%
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส1/2565 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565)ของบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,331.89 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17.05% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 2,846.45 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 3,283.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 481.16 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.17% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 2,801.94 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 18.54 ล้านบาท ส่วนกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 159.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.45 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.99%
ทั้งนี้เป็นผลมาจาก ปริมาณการขายรวมในประเทศของก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นเป็นถึง 182,236 ตัน จาก176,080 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 3.50% นอกจากนี้กลุ่มบริษัทฯ ยังมียอดส่งออกรวม 13,180 ตัน ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม Auto gas เป็นหลัก โดยปรับตัวขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ LPG กลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้น รองลงมา คือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% อีกทั้งไตรมาส 1/2565 ยังเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ โซลารูฟท็อป จำนวน 1.54 ล้านบาท โดย “เวิล์ดแก๊ส” มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่อันดับ 2 หรือคิดเป็น market share 19%
"ปัจจุบันบริษัทฯมีสถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ถือว่ายังมีความแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวมทั้งสิ้น 855.87 ล้านบาท และในแต่ละปีกลุ่มบริษัทฯ มี EBITDA เฉลี่ยประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินงาน และขยายงานในอนาคต"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ภาพรวมธุรกิจต่อจากนี้ของกลุ่มบริษัทฯ เชื่อว่าจะเติบโตอย่างมีศักยภาพทั้งรายได้และกำไร โดยได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมก๊าซ LPG ภาคครัวเรือนที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG เนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องใช้และมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ขณะที่บริษัทได้ขยายจุดกระจายสินค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น
นอกจากนี้รับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) ส่วนธุรกิจซ่อมบำรุงรักษาถังก๊าซ อุปกรณ์ และส่วนควบของเตาแก๊สหุงต้ม ตอนนี้มีกำลังการซ่อมอยู่ที่ประมาณ 4.3 แสนใบต่อปี ทำให้บริษัทฯ สามารถประหยัดต้นทุน และควบคุมคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะผลักดันให้ยอดขายปี 2565 เติบโตได้ตามเป้าหมาย 5% ส่วนยอดขายก๊าซ LPG คาดเพิ่มเป็น 7.65 แสนตัน
“บริษัทฯ จะรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานทุกๆ ปีให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ไตรมาสแรกกำไรสุทธิจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องมาจากค่าใช้จ่ายพิเศษจากการรับรู้ผลขาดทุนของการลงทุนของบริษัทย่อยในบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นค่าใช่จ่ายครั้งเดียว (one-time expense) และรับรู้ในงบการเงินรวมในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลกำไรได้ตามแผน