สภาผัวเมีย-สภาโคตรญาติ

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

สภาผัวเมีย-สภาโคตรญาติ


สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก

คนเราพอจะหาเรื่องมองสถานภาพของมนุษย์ให้แปลกแยกกันแล้ว มันก็สามารถอ้างเหตุผลร้อยแปดพันเก้าไปได้ทั้งสิ้น

"สภาผัวเมีย" จึงเป็นเรื่องที่แสลงหูและน่าเกลียดน่าชังขึ้นในบัดดล ขณะที่ข้อเท็จจริง ส.ส.หรือ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยไม่ติดเงื่อนไขเหมือนรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ก็ดันมี ส.ส.และ ส.ว.ที่เป็นผัวเป็นเมียกันมากคู่เหลือเกิน

แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่า เป็นสภาที่แย่งผัวแย่งเมียคนอื่นกันให้ขายขี้หน้าประชาชนกันบ้างหรือ

มองให้ลึกๆ เจาะให้ถึงใจแฟนานุแฟนที่ชอบนินทาเรื่องผัวเมียนักการเมืองให้ดีเถอะ ไอ้สิ่งที่เขาโยนวาระเข้าสู่สภากาแฟชาวบ้านนั้น มีเรื่อง ส.ส.-ส.ว.แอบเป็น ชู้ เป็นผัวลึกเมียลับกันให้แซ็ด

ไม่ผิดหรอกครับถ้าจะบอกว่า รัฐสภาเมืองไทยเป็นสภาผัวเมียที่น่ารังเกียจ หรือไม่

และหากจะบริภาษให้เป็นความชั่วร้ายของสภา มันควรจะด่าว่า เป็นสภาพ่อ-ลูก สภาพี่น้อง และสภาโคตรญาติ สภาพรรคพวกกันทั่วประเทศด้วยซ้ำ

อีกแหละ ถ้าจะเหมารวมไปถึงนักการเมืองระดับชาติ ระดับจังหวัด ระดับเทศบาลและระดับตำบลละก็ ทุกพรรคการเมืองทั่วประเทศ เต็มไปด้วยนักการเมืองที่เกี่ยวดองหนองยุ่งไปด้วย ผัวเมีย พ่อแม่ลูกๆ พี่ๆ น้องๆ ญาติที่นับรุ่นไม่ถูก ไปจนกระทั่งพรรคพวกเพื่อนสนิทเสียส่วนใหญ่

ถ้าจะมองเป็นความชั่วร้ายของ ส.ส.-ส.ว.ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนืออย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะนักการเมืองภาคใต้ไปแย่งเมียใคร ไปเป็นชู้กับใคร หรือ เป็นตัวกลางป้อนสาวบำบัดอารมณ์ใคร่ของใคร หรือแลกผัวแลกเมียใคร มันก็มีตำนานสืบสานกันมาให้เมาธ์กันหนาหูไม่เบาเลยเหมือนกัน

ขอโทษครับ ส.ส.เป็น "ชู้ข้ามพรรค" ยังเล็ดลอดให้ได้ยินไปถึงหูสื่อมวลชนหลายฉบับด้วยซ้ำ

ถ้าจะมองในมุมชั่ว มันก็ชั่วพอๆ กันหรือเปล่า?

มันเป็นบริบทต่างตอบแทนของคนในสังคมสภาระดับสูงกันหรือไม่?

แต่เพื่อความชอบธรรมให้ประชาชนเห็นเป็นความชั่วร้ายของคนในสภาส่วนหนึ่ง ก็จึงยกเรื่องเอามาเป็นประเด็นวิพากษ์ให้กลายเป็นกระแสที่ไม่ยอมรับกันเท่านั้น

ถ้าสภาผัวเมียเป็นข้ออ้างถึงความชั่วร้ายต่างตอบแทน...สภาพี่ๆ น้องๆ สภาโคตรญาติ สภาพ่อแม่กับลูก และสภาชู้แย่งเมียเสียผัว มิเป็นความชั่วร้าย หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าหรือ

ทั้งหมดทั้งมวลที่ยกเป็นวาระชั่วร้ายขึ้นมา จึงเสมือนเป็นขบวนการที่ทำให้สังคมหลงทางไปหรือเปล่าโดยไม่คำนึงว่าหลักการของระบอบประชาธิปไตยนั้น ต้อง ให้สิทธิเสรีภาพแก่ผู้คนทุกชนชั้น

ไม่ใช่ไปจำกัดไม่ให้เขามีสิทธิ์ในการลงสมัครเลือกตั้งเพียงเพราะเขาเป็นผัวเมียกันเท่านั้น แต่มันมีรายละเอียดที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบอีกหลายช่องทางเพื่อลดนิยามแห่งความเลวร้ายเหล่านี้

ความจริงฝ่ายค้านยกประเด็นสภาผัวเมียขึ้นมาให้ดูเป็นเรื่องชั่วร้าย อาจเพราะกลัวยุทธศาสตร์การแข่งขันในสนามเลือกตั้งที่เกรงว่า นานไปๆ ผัวเมียของฝ่ายตรงข้ามเข้ามายึดเก้าอี้เต็มสภา (เพราะผัวเมีย พ่อแม่ลูกและโคตรญาติตัวเองสู้คู่แข่งไม่ได้) แล้วอีกนานแค่ไหนล่ะที่พรรคการเมืองของตัวจะมีโอกาสได้ลิ้มชิมอำนาจรัฐเสียที ก็เลยสร้างวาทกรรม "สภาผัวเมีย" บ้าง "สภาเผด็จการ" บ้าง "เสียงมากลากไป" บ้าง

โดยลืมหันไปสำรวจตัวเองว่า เป็น "เผด็จการข้างน้อย" ที่แสดงบทบาทในสภา ทั้งเถื่อนถ่อยทั้งไร้จรรยามารยาท ทั้งใช้ชั้นเชิงที่วงการไหนๆ ในสังคมระดับสูงเขาละอายที่จะทำกัน ก็เอามาประจานพฤติกรรมจนเห็น "เนื้อใน" ส.ส.และขายั่วยุบางคนบางพรรคกันล่อนจ้อนไปทั้งสภา

มัวแต่ด่าฝ่ายอื่นโดยไม่ดูฝ่ายตนว่าชั่วร้ายไม่ต่างกัน ผมว่าประชาชนคนธรรมดาเขาก็มีสมองพิจารณาเหตุบ้านการเมือง "รู้ทัน" หรอกนะว่าอะไรผิดอะไรควรไม่ควร

เวลานี้ขอให้แสดงบทบาทตัวแทนของประชาชนให้ "เข้าตาเจ้าของคะแนนเสียง" ให้ดีก็แล้วกัน เพราะชาวบ้าน "กาหัวนักการเมืองห่วยแตก" กลางแสกหน้า เอาไว้ตัดสินการเลือกตั้งหนหน้าเรียบร้อยแล้ว

ยิ่งเห็นผลสำรวจความนิยมของพรรคฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน ทิ้งห่างออกหลายช่วงตัว ก็พอเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นต่อกุศโลบายของฝ่ายค้านว่าทำไมถึง "ดิ่งเหว" ลงเรื่อยๆ

ผมไม่อยากแช่งชักหักกระดูกใคร แต่ก็ภาวนาขอให้สภาไทยในวันหน้า อย่าได้มี ส.ส.ไร้สาระ ไร้อุดมการณ์เข้ามาสุมหัวให้รกสภาอีกเลย เจ้าประคู้น!


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ