เสี่ยบุณยสิทธิ์ “เครือสหพัฒน์” ชี้ สงครามยืดเยื้อวิกฤติหนักกว่าโควิด-19 ส่ง ผลกระทบทั่วโลก พลังงาน สินค้าราคาพุ่ง เปรย จำใจเจรจา กระทรวงพาณิชย์จ่อปรับขึ้นราคาสินค้าในเครือ

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2565

เสี่ยบุณยสิทธิ์ “เครือสหพัฒน์”  ชี้  สงครามยืดเยื้อวิกฤติหนักกว่าโควิด-19  ส่ง ผลกระทบทั่วโลก พลังงาน สินค้าราคาพุ่ง เปรย จำใจเจรจา กระทรวงพาณิชย์จ่อปรับขึ้นราคาสินค้าในเครือ


นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน และวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้าหลายตัวได้ปรับสูงขึ้น ซึ่งตนเองมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะรุนแรงกว่าเมื่อ 26 ปีที่แล้วที่เจอวิกฤตต้มยำกุ้ง เนื่องจากได้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั่วโลก เพราะการเกิดสงครามมันน่าจะส่งผลที่หนักกว่าโควิด-19 ซึ่งโควิดถ้าจบเร็วภายในอีก 1-2 ปี เศรษฐกินไทยก็จะฟื้นตัวได้อีกไม่นาน แต่สำหรับสงครามเราคาดเดาไม่ได้ว่าจะยืดเยื้อไปอีกนานแค่ไหน เพราะยิ่งยาวก็ส่งผลกระทบให้ต้นทุนทุกอย่างขึ้น สินค้าก็ต้องขึ้นราคา เช่นเดียวกับเราต้องขึ้นราคา เพราะถ้าจะไม่ขึ้นเป็นไปไม่ได้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ แต่ว่าก่อนที่เราจะขึ้นราคาสินค้าไม่ใช่อยู่ๆ จะขึ้น แต่เราก็ต้องมาดูราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นก่อน อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป วัตถุดิบทั้งข้าวสาลี และน้ำมันปาล์ม ที่ราคาปรับขึ้นสูงตั้งแต่ 3 เดือนที่เกิดสงคราม และหลายประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยประเทศอื่นๆ อย่าง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และจีน ได้ปรับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีผงซักฟอก ที่จะต้องปรับราคาขึ้น ซึ่งต้องคุยกับกระทรวงพาณิชย์ว่าจะปรับขึ้นได้เท่าไหร่ รวมถึงสินค้าอีกหลายรายการที่ต้นทุนปรับขึ้น โดยต้องขอกระทรวงพาณิชย์ในการปรับราคาสินค้า และจะขึ้นราคาไม่ให้ผู้บริโภคเดือดร้อน อีกทั้ง เพื่อให้ผู้บริโภคได้เตรียมตัวเตรียมใจด้วย ซึ่งการปรับราคาต้องทยอยปรับขึ้น หากไม่ปรับราคาขึ้นจะทำให้ตลาดมีปัญหาได้ มีโอกาสที่วัตถุดิบสินค้าจะขาดแคลน

ต้องยอมรับว่าเครือสหพัฒน์ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติต้นทุนสินค้าที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน และวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้าหลายตัวได้ปรับสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้เรากำลังพูดคุยกับกระทรวพาณิชย์ เพื่อขอปรับราคาสินค้า โดยสินค้าในเครือสหพัฒน์ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่อยู่ในการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์

ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวต่อว่า สภาวะเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดู ซึ่งขึ้นอยู่กับสงครามรัสเซียกับยูเครนจะยุติเร็วหรือช้า ตอนนี้ยืดเยื้อมา 109 วันแล้ว และทั่วโลกจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีใด อย่างไรก็ดีเศรษฐกิจไทยยังดีกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย เพราะไทยส่งออกอาหาร ทำให้เป็นโอกาสที่ดี ในขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคไทยฟื้นเร็วว่าประเทศอื่น คนไทยปรับตัวได้ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวที่เราคาดว่าจะส่งให้เกิดวิกฤตในเรื่องของสินค้าปรับขึ้นราคาสินค้า  ปีนี้จึงได้จัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 26 นี้ จะจัดตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.ถึง 3 ก.ค.2565 ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา เพื่อหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดค่าครองชีพ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับคนไทย

ด้าน นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ กล่าวว่า หลังจากที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้งานสหกรุ๊ปแฟร์ที่เคยจัดอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปีไม่สามารถจัดแบบ On Site ได้ถึง 2 ปี ในปีนี้ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย จึงเป็นโอกาสอันดีที่เครือสหพัฒน์จะได้นำงานสหกรุ๊ปแฟร์กลับมาจัดให้ยิ่งใหญ่ในรูปแบบ On Site เช่นเดิม และยังคงจัดในรูปแบบ Online ควบคู่กัน

ตอนนี้ค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้นมาก สินค้าหลายรายการปรับราคาขึ้นไปแล้ว และยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่เตรียมขึ้นราคา เครือสหพัฒน์จึงได้จัดงาน สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 26 ในคอนเซ็ปต์ ปลดล็อก ช้อปสวนกระแส เพื่อปลดล็อกค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยนำสินค้าของกินของใช้มาให้ช้อปสวนกระแสในราคาเบาๆ พร้อมโปรโมชันที่พิเศษกว่าทุกปี เพื่อต้อนรับการกลับมาจัดอย่างเต็มรูปแบบของงานสหกรุ๊ปแฟร์ นายธรรมรัตน์ กล่าว

ในส่วนของงาน On Site จะจัดขึ้นที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา บนพื้นที่กว่า 20,900 ตารางเมตร ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.00–22.00 น. โดย ฮอลล์ 100 เป็นพื้นที่จัดแสดงสินค้านวัตกรรม ส่วน ฮอลล์ 98-99 จะมีสินค้าแบรนด์ดังราคาพิเศษมาให้เลือกซื้อกว่า 1,000 คูหา กว่า 100 บริษัท ประกอบด้วยอาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน เสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา เครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ ชุดชั้นในวาโก้ เครื่องแต่งกายจากกีลาโรชและลาคอสต์ เครื่องสำอางบีเอสซี หน้ากากอนามัยเวลแคร์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากเปา ซื่อสัตย์ ซิสเท็มมา โชกุบุสซึ โคโดโมะ

นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังจะได้สัมผัสประสบการณ์ Metaverse จากบริษัทในเครือสหพัฒน์ และพบกับโซนสินค้าญี่ปุ่นที่ยกทัพแบรนด์ดังอย่าง ไดโซะ ดองกิ ลอว์สัน วาเซดะ และบุงกะ มาจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า โซนสินค้าเพื่อสุขภาพจากกลุ่ม SAHAGROUP Health Care & Wellness ที่มานำเสนอสินค้าในคอนเซ็ปต์ สุขภาพดี 24 ชั่วโมง รวมทั้งสินค้าภายใต้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) และการจำหน่ายสินค้าแบบ B2B โดยมี KERRY EXPRESS ผู้นำธุรกิจด้านการจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทย มาให้บริการส่งของสำหรับผู้ซื้อสินค้าในงานพร้อมมอบส่วนลดสูงสุดกว่า 50% และยังมีกิจกรรมพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของงานสหกรุ๊ปแฟร์อีกมากมาย อาทิ แฟชั่นโชว์ คอนเสิร์ต การประกวด การสัมมนา การเซ็นสัญญาร่วมทุน การรับสมัครงาน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงาน Online ได้เปิดจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มดังอย่าง LAZADA, SHOPEE, JD CENTRAL รวมถึงแพลตฟอร์มของเครือสหพัฒน์ทั้ง SAHAGROUPONLINE, SHOP CHANNEL, IDF ONLINE, ICC SHOPPING, SAHAPAT DELIVERY และ LION SHOP ONLINE นอกจากนี้ แบรนด์ต่าง ๆ ภายในเครือสหพัฒน์ ที่มีช่องทางการขายออนไลน์ของตัวเองก็พร้อมใจกันเปิดให้ช้อปปิ้งสินค้าราคาพิเศษด้วย โดยมีสินค้าให้เลือกซื้อทั้ง แฟชั่น ชุดชั้นใน ความงาม ของใช้แม่และเด็ก ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม บริการ/สื่อการเรียนรู้ สุขภาพ และอสังหาริมทรัพย์ เริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นมา พร้อมโปรโมชัน 30 วัน 30 โปร และแจกทองสำหรับผู้ที่มียอดซื้อสูงสุด ซึ่งผู้สนใจสามารถดูรายชื่อแบรนด์ที่เปิดให้ช้อปออนไลน์และโปรโมชันได้ที่ www.sahagroupfair.com และในเว็บนี้ยังมีกิจกรรมตลอดงาน อาทิ การไลฟ์สด และ Flash Sale



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ