การพัฒนารถยนต์ PROTON ที่ใช้แนวคิดร่วมกันกับ Lotus ฉีกภาพความเป็นรถมาเลเซีย ออกไปจากความคิดเดิมๆ ของผู้ใช้รถแบรนด์นี้ แต่ก็ยังมีความรู้สึกแอบแฝง ค้างคาใจอยู่บ้างในเรื่องของ สมรรถนะการใช้งาน ฉบับนี้ "สยามธุรกิจ" ได้ลองขับ Preve PREMIUM รุ่น Top เก๋งซีดานพรีเมี่ยม ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมานี้ เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ หากท่านใดจะเลือกซื้อรถคันใหม่
PROTON Preve อาจเป็นรุ่นที่ออกเสียงยากสักหน่อย Preve (เพรเว่) เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษ ให้ความหมายเดียวกับคำว่า "Prove" ซึ่งหมายถึง "การพิสูจน์" ภายนอกได้รับการออกแบบเส้นสายของตัวรถคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ เน้นการ ลดแรงเสียดทานจากอากาศ เพิ่มแรงกดเพื่อเสถียรภาพในการทรงตัวที่ดีขึ้น ในสไตล์สปอร์ตซีดานโดดเด่นด้วยกระจังหน้าสไตล์ใหม่ผสานความสปอร์ต และความหรูหราได้ลงตัว ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์ พร้อมไฟ Day Time แบบ LED และไฟตัดหมอก ซึ่งให้มุมมองด้านหน้าที่ดี ส่วนในด้านท้ายเน้นความโฉบเฉี่ยวมีสปอยเลอร์ท้ายที่ช่วยสร้างแรงกดอากาศในความเร็วสูง ที่เก็บสัมภาระท้ายมีขนดความจุถึง 508 ลิตร
ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งหน้า-หลังสามารถพับแยก 60:40 ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพิ่มความหรูหราด้วยพวงมาลัยหุ้มหนัง 3 ก้าน พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่น ระบบควบคุมความเร็วคงที่อัตโนมัติ และ Paddle Shift พร้อมปุ่ม Push Start-Stop มาตรวัดเรือนไมล์แบบอนาล็อกทรงกลม 2 วง เว้นช่องตรงกลางให้กับหน้าจอดิสเพลย์ Smart Information Display system (SID) ที่แสดงผล การใช้น้ำมันโดยเฉลี่ย คุณภาพแบตเตอรี่ และแสดงไฟเตือน สัญญาณการล็อกเกียร์ ไฟเตือนเมื่อจอด อ่านข้อมูลได้ง่ายในทุกสภาพแสง มาพร้อมชุดเครื่องเสียงวิทยุ CD/MP3 ช่องเสียบ USB/I Pod ที่สามารถเชื่อมต่อระบบ Bluetooth หน้าจอ LED ระบบ GPS ระบบปรับอากาศแบบออโต้
เครื่องยนต์ ในรุ่น PREMIUM มีเครื่องยนต์ที่ต่างจากรุ่นอื่นๆ คือ เครื่องยนต์บล็อก CAMPRO CFE ( CamPro Charge Fuel Efficiency) แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1600 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงถึง 138 แรงม้า ที่ 5000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 2000-4000 รอบต่อนาที ผสานกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 7 สปีด ดูจากสเปกถือว่าน่าสนใจไม่น้อย และยังมีระบบเทอร์โบเข้ามาช่วยเรียกแรงม้าเพิ่มจากรุ่นปกติถึง 29 แรงม้า "เทอร์โบ" นอกจากจะช่วยให้สมรรถนะดีขึ้นแล้ว ยังสามารถเข้ามาช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำมัน ในการใช้ความเร็วรอบต่ำด้วย
ในเรื่องอัตราเร่งจัดว่าดีขึ้นกว่ารุ่นไม่มีเทอร์โบอย่างชัดเจน ส่งผลต่อความสนุกในการขับขี่ขึ้นมาก ผมกดคันเร่งความเร็วปลายทะลุไปถึง 205 กม./ชม. หากปรับโหมดเป็น "S" แล้วใช้ Paddle Shift ในการควบคุมเกียร์ อรรถรสในการขับขี่เร้าใจน้องๆ สปอร์ตเลยทีเดียว
ความนิ่มนวลจัดว่าใช้ได้ระดับดี เพราะระบบส่งกำลังเป็นแบบ CVT 7 สปีด ทำให้ การเปลี่ยนจังหวะเกียร์ไม่กระชาก เปลี่ยนอย่างราบรื่น แต่เครื่องยนต์ตัวนี้อาจจะมีเสียงเครื่องที่ดังไปหน่อย คิดในแง่ดีก็ช่วยให้คุณสัมผัสความเร้าใจจากเสียงเครื่องยนต์ได้ด้วย เรื่องอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน วิ่งความเร็วเฉลี่ย 90 กม./ชม. สามารถทำได้ประมาณ 16.20 กม./ลิตรอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ระบบพวงมาลัย ไฮดรอลิกเพาเวอร์ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ระบบควบคุมการทรง ESC (Electronic Stability Control ) ทำให้สมรรถนะและการทรงตัวทำได้ดี บังคับควบคุมได้ง่าย เบรก ABS และระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ ควบคุม ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brakeforce Distribution) ทำหน้าที่กระจายแรงเบรกระหว่างล้อคู่หน้าและหลังได้อย่างสมดุล ทำให้หยุดรถได้อย่างปลอดภัย
ราคา 759,000 บาท สำหรับผมถือว่าเป็นรถที่น่าใช้คันหนึ่ง เพราะออพชั่นที่จัดให้คุ้มค่า สมราคาไม่น้อย แต่จะดีสำหรับคุณหรือไม่ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองครับ