MINTออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิชุดใหม่-เล็งขายกันยายนนี้

วันเสาร์ที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

 MINTออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิชุดใหม่-เล็งขายกันยายนนี้


"ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล" เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิชุดใหม่นกันยายนนี้ ทดแทนหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯชุดเดิมที่ไถ่ถอนก่อนกำหนด มั่นใจในศักยภาพที่ฟื้นตัวงต่อเนื่อง จากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์-เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว  ระบุไตรมาส 1 กวาดรายได้แล้วกว่า 2 หมื่นล้าน 

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)หรือ MINTเปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ซึ่งเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (“หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ”) แก่ประชาชนทั่วไปในเดือนกันยายนนี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดเดิม (MINT18PA) ที่มีแผนจะใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด เพื่อยังคงโครงสร้างทางการเงินให้มีความแข็งแกร่ง และเตรียมพร้อมรับโอกาสการขยายธุรกิจในอนาคต โดยแต่งตั้ง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคาร  ซีไอเอ็มบี ไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ส่วนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและรายละเอียดการจองซื้อจะแจ้งให้ทราบภายหลัง 

สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “BBB+” แนวโน้ม “Stable” ขณะที่บริษัทฯ ได้รับการยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือที่ “A” แนวโน้ม Stable จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ตอกย้ำถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ตลอดจนภาพรวมธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศที่ทยอยฟื้นตัว หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลายและหลายประเทศผ่อนคลายข้อกำหนดการเปิดรับนักท่องเที่ยว 
 
นายชัยพัฒน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวภายในประเทศที่กลับมาคึกคักและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยคาดการณ์นักท่องเที่ยว ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 7 – 10 ล้านคน ส่วนภาพรวมธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ของบริษัทฯ มีรายได้รวม 20,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตมากกว่า 5 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2,737 ล้านบาท เนื่องจากความสามารถทำกำไรที่เพิ่มขึ้น จากธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวดี โดยโรงแรมที่บริษัทฯ ลงทุนเองในทวีปยุโรปและลาตินอเมริกามีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนเติบโตเกือบ 4 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 92 ยูโรต่อคืน ใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ส่วนการดำเนินงานของธุรกิจร้านอาหารและไลฟ์สไตล์มี EBITDA เป็นบวกอย่างต่อเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ