การรถไฟฯ ขอชี้แจง! ประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

การรถไฟฯ ขอชี้แจง! ประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์


จากการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ระหว่างวันที่ 19 – 22 กรกฎาคม 2565 โดยการเปิดอภิปรายวันแรก (19 กรกฎาคม 2565) มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พาดพิงถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับที่ดินเขากระโดง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้เกิดข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานรัฐกับประชาชนในพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2502

โดยปัญหาดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดคลาดเคลื่อนของการออกเอกสรสิทธิ์ในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์ของหน่วยงานภาครัฐ คือ กรมที่ดินและการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง จากการกล่าวอ้างในเรื่องนี้มีประเด็นที่มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายประการ ดังนั้นการรถไฟฯจึงขอเรียนชี้แจงและให้ข้อมูลที่ถูกต้องดังนี้

1. ตามประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่าเหตุใดการรถไฟฯไม่ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งที่ศาลมีคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว แสดงให้เห็นเจตนาในการทำให้กระบวนการทำงานมีความล่าช้า รวมทั้งไม่ให้ความร่วมมือและยังมีการฟ้องกรมที่ดิน                                                                                          

การรถไฟฯขอเรียนชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ซึ่งที่จริงแล้วการรถไฟฯได้รวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆตามคำพิพากษาศาลฎีกาเพื่อแจ้งให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แต่กรมที่ดินไม่ดำเนินการเพิกถอนตามอำนาจหน้าที่ ดังนั้นการรถไฟฯจึงต้องใช้สิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้มีคำวินิจฉัยให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ทับซ้อนในที่ดินของการรถไฟฯ โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ซึ่งทุกฝ่ายต้องให้ความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาจนถึงที่สุด

2. ตามประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่า การรถไฟฯละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินการฟ้องเพิกถอนที่ดินแปลงเลขที่ 3466 และแปลงเลขที่ 8546 เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินของการรถไฟฯ โดยการรถไฟฯมีเจตนาถ่วงเวลาและเลือกใช้วิธีการที่ยากทั้งยังต้องใช้ระยะเวลานาน ที่จริงแล้วมีวิธีการที่ง่ายและดำเนินการได้รวดเร็วกว่านั้น  แต่ทำไมถึงไม่ดำเนินการ  รวมทั้งการรถไฟฯมีเจตนาไม่ดำเนินการตามที่กรมที่ดินร้องขอ โดยมีการขอให้การรถไฟฯส่งพนักงานเข้าร่วมการจัดตั้งคณะทำงาน จำนวน 2 ชุด เพื่อรังวัดตรวจสอบที่ดิน และแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนดังกล่าว

การรถไฟฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง การรถไฟฯ ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กล่าวหา การรถไฟฯได้ยื่นฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่บริเวณเขากระโดงทุกแปลง ซึ่งในประเด็นตามข้อกล่าวหานั้น การรถไฟฯ ขอเรียนชี้เจงให้ทราบว่า

-เมื่อปี 2539 การรถไฟฯได้เข้าร่วมชี้แนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดงเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งการนำชี้แนวเขตที่ดินในครั้งนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดิน และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เข้าร่วมชี้แนวเขตจนเสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมาย

-การรถไฟฯได้มีการนำข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการสำรวจรังวัด เมื่อปี 2539 อาทิ แผนที่กำหนดเขตที่ดินของการรถไฟฯและข้อมูลอื่นๆในพื้นที่เขากระโดง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลฎีกา จนมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้พื้นที่ดินดังกล่าวเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย 

จากเหตุผลข้างต้นที่กล่าวมานั้น ทำให้การรถไฟฯ ไม่ได้จัดส่งผู้แทนเข้าร่วมสำรวจรังวัดตามที่กรมที่ดินร้องขอ เนื่องจากกระบวนการสำรวจได้ดำเนินการเสร็จสิ้นตั้งแต่ปี 2539 แล้ว อย่างไรก็ดี หากศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้สำรวจรังวัดพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง การรถไฟฯ พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งต่อไป

-ตามประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่าเหตุใดการรถไฟฯไม่ใช้ช่องทางดำเนินการ ตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยการให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ทับซ้อนกับที่ดินรถไฟแต่กลับใช้ช่องทางการฟ้องหน่วยงานของรัฐแทน

การรถไฟฯ ขอเรียนว่า ข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากการรถไฟฯ ได้เคยดำเนินการให้กรมที่ดิน ในฐานะนายทะเบียนที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแต่ยังไม่มีการเพิกถอนตามที่การรถไฟฯร้องขอ จำนวน 2 ครั้ง คือ

ครั้งที่ 1 กรมที่ดิน มีหนังสือ ที่ มท 0516.2/7289 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2552 ปฏิเสธการเพิกถอน เนื่องจากอ้างว่า “การรถไฟฯไม่สามารถจัดส่งหลักฐานรูปแผนที่แนวเขตทางรถไฟมาประกอบการพิจารณาได้ ส่วนพยานหลักฐานอื่นก็ไม่อาจรับฟังได้ จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะเป็นที่ดินของการรถไฟฯ ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยไว้ จึงไม่อาจนำมาเป็นเหตุในการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงได้ ดังนั้นกรมที่ดินจึงไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว”

ครั้งที่ 2 กรมที่ดินมีหนังสือ ที่ มท ๐๕๑๖.๒(๓)/๒๗๘๒๖ ลงวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ ปฏิเสธการเพิกถอน เนื่องจากอ้างว่า“ตามที่ ป.ป.ช. ได้มีการจัดส่งเรื่องดังกล่าวให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์  ปรากฏว่ากรณีนี้กรมที่ดินได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว แต่กรมที่ดินมีความเห็นว่าไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินในบริเวณพื้นที่เขากระโดง”

ดังนั้น การรถไฟฯได้ดำเนินการใช้สิทธิฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครองกลาง เนื่องจากกรมที่ดินได้มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินจำนวน 2 ครั้ง ถือได้ว่าการรถไฟฯได้ดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมายอย่างครบถ้วนแล้ว

-ตามประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่าการรถไฟฯไม่ดำเนินการบังคับคดีกับนาย A (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นคนสนิทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในการบุกรุกที่ดินเขากระโดง โดยที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าให้ขับไล่และเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ 

การรถไฟฯขอยืนยันว่า การดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟฯนั้น ทางการรถไฟฯ ได้มีการดำเนินการต่างๆโดยยึดหลักความถูกต้องของกฎหมาย หลักธรรมาภิบาล และหลักความเท่าเทียมกันมาโดยตลอด ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวอ้างเรื่องของนาย A  ซึ่งศาลฎีกาได้มีการอ่านคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2562 ในเรื่องนี้การรถไฟฯก็ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยทำการสืบทรัพย์สินของนาย A และมีการตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินการของกรมบังคับคดี

ดังนั้น การดำเนินการดังกล่าวของการรถไฟฯจึงเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ ไม่มีการละเว้นหรือเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด

-ตามประเด็นที่มีการกล่าวอ้างถึงกรณีศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นของการรถไฟฯนั้น การรถไฟฯสามารถนำผลของคำพิพากษาใช้ในการอ้างอิงถึงบุคคลภายนอกเพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ได้นั้น

การรถไฟฯขอเรียนว่า ข้อมูลดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นย่อมไม่ผูกพันกับบุคคลภายนอกเว้นแต่ข้อความใน (๒) “คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินใดๆ เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า”

ดังนั้น ตามมาตรา 145 (2) จึงมีความหมายว่า “คู่ความสามารถใช้ยันบุคคลภายนอก เฉพาะในที่ดินแปลงที่มีคำพิพากษาเท่านั้น ไม่สามารถเอาไปกล่าวอ้างหรือบังคดีใช้กับที่ดินแปลงอื่นที่ยังไม่มีข้อพิพาทหรือยังไม่มีคำตัดสินของศาล” ทั้งนี้ ที่ดินตามคำพิพากษาของศาล การรถไฟฯได้ดำเนินการบังคับคดีตามขั้นตอนของกฎหมายทุกแปลงแล้ว ส่วนที่ดินแปลงอื่นๆ ในพื้นที่บริเวณเขากระโดงที่ประชาชนเป็นผู้ถือเอกสารสิทธิ์ที่ทางราชการออกให้ตามกฎหมาย จึงให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์  ด้วยเหตุดังกล่าว การรถไฟฯ จึงได้ใช้สิทธิในการฟ้องกรมที่ดินต่อศาลปกครองกลางเพื่อพิสูจน์สิทธิดังกล่าว โดยเป็นการดำเนินการตามกระบวนขั้นตอนของกฎหมาย

สุดท้ายนี้ การรถไฟฯ ขอยืนยันอีกครั้งว่า การรถไฟฯได้ดำเนินการในการแก้ไขปัญหาบริเวณที่ดินเขากระโดงโดยไม่ได้มีการแทรกแซงจากฝ่ายใดแต่อย่างใด และที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ 

การรถไฟแห่งประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยได้ดำเนินการทุกขั้นตอนตามหลักกฎหมาย มีความโปร่งใส เป็นธรรม ทั่วถึง และไม่เลือกปฏิบัติ โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนในทุกมิติอย่างเคร่งครัด



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ