คนไทยหัวใจวายตายพุ่ง ! SHAWPAT จับมือภาครัฐ-เอกชนหนุนติดตั้ง AED ในอาคารสูงและพื้นที่สาธารณะยกระดับสู่สังคมที่ปลอดภัย

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

คนไทยหัวใจวายตายพุ่ง ! SHAWPAT จับมือภาครัฐ-เอกชนหนุนติดตั้ง AED ในอาคารสูงและพื้นที่สาธารณะยกระดับสู่สังคมที่ปลอดภัย


สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ฯ (SHAWPAT) จัดงานเสวนาพิเศษหัวข้อ “สังคมที่ปลอดภัย เพื่อผู้ป่วยภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน” โดยมีคุณพรทิพย์ ทองเอี่ยม กรรมการบริหาร สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ฯ และอดีตผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นประธานเปิดงาน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยในที่สาธารณะและสถานที่ทำงานในกรณีที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ตลอดจนให้ความรู้แก่องค์กรและบริษัทในประเทศไทยเกี่ยวกับความสำคัญของเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator หรือ AED) และการติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานที่เหมาะสมให้แก่คนไทย เมื่อวันที่ 26 กรกฏาคม 2565

โดยมีตัวแทนจากภาครัฐฯ อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมโยธาธิการและผังเมือง และภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท สยามสินธร จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และบริษัท เจี่ยรักษา จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์และเครื่อง AED ชั้นนำในประเทศไทย ร่วมพูดคุยเสวนาเพื่อตอกย้ำความสำคัญของมาตรการป้องกันและส่งเสริมความปลอดภัยในพื้นที่ต่างๆ เช่น อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อหัวใจและเสริมสร้างความปลอดภัยในที่ทำงานเมื่อเกิดเหตุภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน

ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในที่ทำงานและในที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน เป็นหัวข้อสำคัญที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงในสังคมไทยมากขึ้น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับชีวิตและความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ตามรายงานของวารสารการแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนธันวาคมปี 2564 ที่ผ่านมา ภาวะหัวใจหยุดเต้นนอกโรงพยาบาล (OHCA: Out-of-hospital cardiac arrest) ที่เกิดขึ้นทั่วโลกมีอัตราการเกิดโดยเฉลี่ย 55 คน ใน 100,000 คนต่อปี ซึ่งถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญ นอกจากนี้ ความปลอดภัยของสถานที่ทำงานก็เป็นหนึ่งในหัวใจหลักที่องค์กรทั่วโลกต้องคำนึงถึง องค์กรจำเป็นต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อรับรองสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยให้แก่พนักงาน ซึ่งในที่นี้รวมถึงแผนการสื่อสาร

โดย พญ.ขจีรัตน์ ปรักเอโก ที่ปรึกษาสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า คนไทยมีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจอยู่ที่ประมาณ 60,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยชั่วโมงละ 7 ราย และทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตมากถึง 12.5 ล้านคน ซึ่งผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวและเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันได้ทุกที่ ทุกเวลา

ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วย จึงจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือที่ถูกต้องและทันท่วงที ประชาชนทุกคนต้องสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือ 1669 ทำการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) เข้าถึงและใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติหรือ AED ได้อย่างเหมาะสม ภายใน 3-5 นาทีแรกเมื่อจำเป็นต้องใช้ จะสามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้ถึงร้อยละ 75 จึงจำเป็นต้องมีการสนับสนุนให้หน่วยงาน องค์กร บริษัท หรือ สถานประกอบการ ต่างๆ เห็นความสำคัญในการพัฒนาบุคลากร จัดหาอุปกรณ์ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อพนักงานและทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ใช้พื้นที่สาธารณะ

อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคหัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องรู้จักประเมินความเสี่ยงของตนเองและมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม โดยไม่สูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กินอาหารและมีกิจกรรมทางกายที่พอเหมาะพอดี จิตใจแจ่มใส และ ตรวจสุขภาพประจำปีด้วย

ทั้งนี้ งานวิจัยหลายฉบับแสดงให้เห็นว่า ปัจจัยต่างๆ อย่างการช่วยชีวิตด้วยการทำ CPR ไปจนถึงสถานที่ที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ช่วงเวลาที่ผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือก่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เวลาตอบสนองในการช่วยเหลือที่ช้าหรือเร็ว เวลาเกิดเหตุ เวลาในการเดินทางไปยังโรงพยาบาล และการใช้เครื่อง AED ล้วนเป็นตัวชี้วัดอัตราการรอดชีวิต ซึ่งรัฐบาลไทยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ สอดคล้องไปกับกฎกระทรวงมหาดไทยล่าสุด ที่ได้ประกาศในกฎกระทรวงฉบับที่ 69 (พ.ศ. 2564) โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้อาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันก่อนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะเดินทางมาถึง

ดร. ศิริลักษณ์ จิตต์ระเบียบ สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ฯ และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการสาธารณสุขรัฐสภา สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า องค์กรต่างๆ ควรมีนโยบายและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน เกี่ยวกับการสื่อสารด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากการมีแผนการที่ดีจะช่วยดูแลป้องกันสุขภาพ สร้างความปลอดภัยและสวัสดิภาพที่ดีให้แก่พนักงานได้ โดยในการเตรียมตัวรับมือกับภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันนั้น แนวทางการสื่อสารด้านความปลอดภัยขององค์กร ควรประกอบด้วยโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) และการใช้เครื่องกระตุกหรือกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ให้แก่พนักงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รับการฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติอย่างเป็นประจำ เพื่อให้เกิดทักษะการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) แก่ผู้ป่วย รวมไปถึงเรียนรู้วิธีการใช้การใช้เครื่องกระตุกหรือกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) อย่างปลอดภัยและถูกต้อง จะช่วยสะท้อนความมุ่งมั่นขององค์กรในการปกป้องชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจ องค์กร และชุมชนของสังคมไทยได้อีกทางหนึ่ง

“นอกจากการสัมมนาอบรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่อง AED แล้ว ในสื่อออนไลน์ต่างๆ อย่างยูทูปก็สามารถหาความรู้ได้ สิ่งสำคัญต้องคำนึงถึงสถานที่ต้องปลอดภัย ไม่มีสารเคมี  พื้นไม่มีน้ำไม่เปียก เรียบแข็งแรง จากนั้นมาประเมินผู้บาดเจ็บก่อนรับการช่วยเหลือ และสั่งให้คนที่อยู่ใกล้ชิดโดยระบุตัวตนที่ชัดเจนให้แจ้งขอความช่วยเหลือสายด่วน 1669 และช่วยนำเครื่อง AED มาให้ด้วย ต้องตั้งสติหาปุ่มกดให้เจอเพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามขั้นตอนอย่างถูกวิธี และอย่าลืมแจ้งให้ญาติ หรือคนที่อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าวออกให้ห่างที่สุดเพื่อความปลอดภัย”

ด้านดร.ธนิต ใจสอาด วิศวกรโยธาชำนาญการพิเศษ สำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า กรมฯในฐานะผู้ดูแลกฏหมายควบคุมอาคารที่ระบุว่าอาคารสูงเกิน 23 เมตร หรืออาคารขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ว่างเกิน 1 ตารางเมตร ต้องติดตั้งเครื่อง AED ซึ่งบังคับใช้กับอาคารใหม่ตั้งแต่ปี 2564 ส่วนอาคารเก่าก่อนกฎหมายบังคับใช้จะเป็นลักษณะขอความร่วมมือ ซึ่งเครื่อง AED ที่พร้อมใช้งานและเข้าถึงได้ง่ายจะช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยสาธารณะสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการติดตั้งเครื่อง AED ในอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษ และอาคารที่เป็นสาธารณะถึงสำคัญมาก โดยอาคารเหล่านี้ต้องจัดให้มีพื้นที่หรือตำแหน่งเพื่อติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่ภายในตัวอาคารที่เข้าถึงได้ง่าย มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นพื้นที่ที่มีคนเดินสัญจรผ่านบ่อยๆ หรือพื้นที่ที่ใกล้กับอุปกรณ์ฉุกเฉินที่มีอยู่ เช่น ถังดับเพลิงและชุดปฐมพยาบาล หากเป็นการติดตั้งเครื่อง AED ในที่ทำงาน พนักงานควรได้รับแจ้งเกี่ยวกับตำแหน่งของเครื่อง AED ด้วย ในขณะเดียวกัน การติดตั้งเครื่อง AED ไว้ตรงตำแหน่งตรงกลางหรือจุดเด่นในพื้นที่จะช่วยให้ทุกคนคุ้นเคยกับการเห็นเครื่องนี้และทราบทันทีว่าจะหาเครื่อง AED ได้ที่ไหนในกรณีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรายละเอียดของเครื่อง AED จำนวน ตำแหน่ง และระบบการติดตั้งเครื่อง AED ในอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษที่เป็นอาคารสาธารณะได้มีกำหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติการฉุกเฉินในการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานนอกสถานพยาบาล ของคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน
“พื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่อาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษตามมาตรฐานคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินตอนนี้ถือว่า 100% แล้ว”

ส่วนคุณสมชาย แซ่เจี่ย บริษัท เจี่ยรักษา จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์และเครื่อง AED ชั้นนำในประเทศไทย ได้กล่าวเสริมถึงปัจจัยและคุณสมบัติของเครื่อง AED ที่เหมาะสมที่องค์กรต่างๆ ควรพิจารณาก่อนติดตั้ง ได้แก่ ต้องคำนึงถึงความง่ายต่อการใช้งาน เครื่อง AED ต้องสามารถแสดงผลลัพธ์การช่วยชีวิตแบบ CPR ด้วยภาพและเสียงคำแนะนำที่เข้าใจง่าย โดยเฉพาะเวลาแนะนำน้ำหนักและความถี่ในการกดหน้าอกผู้ป่วยที่เหมาะสม นอกจากนี้ เครื่อง AED ต้องสะดวกต่อการจัดเก็บและติดตั้งในตำแหน่งเหมาะสมทั่วทั้งอาคาร ทั้งยังต้องมีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก และสามารถใช้งานในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดได้ โดยจำนวนเครื่อง AED ที่ควรติดตั้งนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ในการใช้งาน เพื่อให้ถึงผู้หมดสติ เร็วที่สุด ภายในระยะเวลาที่กำหนด

ปิดท้ายนายเทอดศักดิ์ มีแสง บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สยามสินธร ยังได้กล่าวถึงแนวทางยกระดับสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตด้านความปลอดภัย รวมถึงมาตรการด้านการช่วยเหลือผู้ป่วยในสภาวะฉุกเฉินทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ป่วยเป็นลม จนถึงผู้ป่วยที่หมดสติว่า ทุกอาคารของสยามสินธรมีการติดตั้งเครื่อง AED และมีการพัฒนาบุคคลากรด้านการแพทย์ โดยเจ้าหน้าที่เซฟตี้ของสยามสินธร ได้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตร EMR ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) ซึ่งได้มีการถ่ายทอดความรู้ในกับบุคคลากรในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน แม่บ้าน รปภ. คนสวน โดยมีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้และซักซ้อมแผนการช่วยเหลือ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินต่างๆ เนื่องจากมีผู้พักอาศัยที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง และพนักงานของบริษัทเช่าในอาคารสินธร ที่เป็นผู้พิการ ทั้งนี้ เรามีการกำหนดจุดเซฟโซน (SAFE ZONE) และประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ และมีการซักซ้อมแผนกันเป็นประจำตามนโยบายของผู้บริหารที่เน้นย้ำและให้ความสำคัญ ทั้งยังรวมถึงการออกให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องต้องมีการทำ CPR ตามที่ได้รับการร้องขอของประชาชนในละแวกใกล้เคียง



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ