สะบัดร้อนสะบัดหนาว : ณรงค์ ปานนอก

ก็แล้วแต่มุมมองของใคร จะเห็นต่างอย่างไรกับการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรไทยในกรณีพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับสถานภาพสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง (ส.ว.ลากตั้ง)

แต่เห็นจะต้องโยนประเด็นพฤติกรรม ส.ส.จำนวนหนึ่งที่วางแผนใช้สภาเป็นเครื่องมือทำลายความสง่างามจากนิยาม "ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ" ให้เป็นโจทย์ใหญ่เสียแล้ว

นับตั้งแต่ประธานสภา ลงมาถึง ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลว่า ท่านกำลังสร้างมาตรฐานของส.ส.เพื่อยึดต้นแบบประชาธิปไตยในยุโรป ในสหรัฐฯ ในเอเชีย หรือในทวีป แอฟริกากันแน่?

คราวที่แล้ว ฉุดกระชากประธานสภา ลากเก้าอี้ประธานสภาออกจากบัลลังก์ และขว้างแฟ้มใส่หน้าประธานสภา ก็สุดอิดหนาระอาใจที่ถลกหนังตัวเองประจานกลางแดดมาหนหนึ่งแล้ว

คราวนี้ ส.ส.ได้แสดงอภิสิทธิ์เกินมารยาทที่ควรยึดติดสมองและอากัปกิริยาถ่อยเถื่อน ยิ่งกว่าเดิมเพิ่มขึ้นอีกขนาดไหน...นักวิชาการที่ติดตามพฤติกรรมการประชุมสภาหนนี้ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่อาจทนดูการประชุมสภาที่กักขฬะ ไร้ซึ่งความเป็นผู้ทรงเกียรติ และหากจะขอคืนมารยาทของ "สังคม ส.ส." ที่น่าจะเป็น "ผู้ดี" เป็นแบบอย่างแก่อนุชนได้ ก็อยากจะขอคืนจากพวกที่กระเดียดตัวอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชนเหล่านั้นทั้งหมด

ทำให้มองเห็นกลเกมที่เคยพูดมาก่อนหน้าว่า "ค้านถึงที่สุด" นั้นชัดเจนยิ่งว่า เขาใช้เล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงที่ไม่ได้คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตยอย่างไร ในขณะที่ประชุมสภาเสียเวลากับบทตีรวน โห่ฮาป่า กรีดร้องโหยหวนยิ่งกว่าสัตว์ประหลาด ล้วนเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องยาวนานถึง 9-12 ชั่วโมง

หรือนี่คือพฤติกรรมที่ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติพึงกระทำ?

อยากมองเป็นความบกพร่องของประธานสภาที่วินิจฉัยไม่เป็นที่พอใจของ ส.ส.ฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเนื่องเพราะความเชี่ยวกรากทางการเมืองในสภานั้น ต้องยกให้ ส.ส. ที่มีความถนัดเชิงกลยุทธ์ที่จะทำให้สภาป่วน ต่อให้ประธานสภาเก่งกาจขนาดไหน ลงว่าส.ส. รวมหัวกันตั้งใจจะเล่นงานประธานสภาแล้ว "หลายหัวสกรัมหัวเดียว" ย่อมทำให้ประธานสภา "เสียคน" ไม่ยากนัก

แปลกใจที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทำไมจึงโดดเดี่ยวประธานสภาได้ถึงขนาดนั้น

หรือว่าฝ่ายรัฐบาลกำลังใช้วิธี "สงบหลบดูฝ่ายค้านลมปราณแตก" ซึ่งอาจได้ผลระดับหนึ่ง

แต่หาก มองภาพรวม แล้ว ความเสียหายด้านภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร ย่อมไม่อาจได้รับการยอมรับจากประชาชนผู้เป็นเจ้าของเสียงตัวจริงได้แน่นอน มีแต่จะทำให้ผู้คนเบื่อหน่ายสภาผู้แทน เบื่อหน่าย ส.ส.ทุกฝ่าย และเสื่อมศรัทธาต่อระบบ พรรคการเมือง

พาลเบื่อหน่ายเสื่อมเสียไปถึงระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีระบบตัวแทนประชาชนที่ล้วนแต่ไร้วุฒิภาวะ ไร้จรรยามารยาท มีแต่จะเอาชนะคะคานและเล่นเกมการเมืองที่สกปรก โสมม

พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และผู้อาวุโสทางการเมืองไม่รู้จักสั่งสอนบ้างหรือไง?

แทนที่จะยกระดับให้ดีขึ้น เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมทุกระดับชั้น แต่กลับเป็นสถาบันระดับชาติที่สร้างต้นแบบทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายอย่างนี้หรือ

หรือนี่คือกลเกมการเมืองที่ต้องการประจานให้ประชาชนเบื่อระอา และใส่ร้ายป้ายสี ว่าเป็นความชั่วร้ายของอีกฝ่ายอย่างมีเจตนา

เพื่อจะอ้างว่า รัฐบาลเลวไม่พอ สภาก็ชั่วร้ายเกินที่ประชาชนจะพึ่งพาอาศัยได้หรือไม่

ดูๆ แล้ว เบื้องหลังลึกๆ น่าจะเป็นเกมที่ทำให้สถานการณ์การเมืองดำเนินไปสู่ "กับดัก" ที่ล่อแหลมต่อความพินาศของระบอบประชาธิปไตยเสียมากกว่า...แต่ก็ยังคง อ้างต่อได้ว่าเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย โดยไม่คำนึงถึงหน้าที่และจิตสำนึกที่เป็นมาตรฐานของระบอบ

สุดท้ายก็ "เข้าทาง" พวกกวักมือเรียกเผด็จการทหารออกมายึดอำนาจตามเคย

เชิญครับ...ถ้าใครคิดว่า ประชาธิปไตยควรเป็นไปตามที่พวกท่านอยากให้เป็น ไม่ว่าแบบ "พวกมากลากไป" หรือ "พวกน้อยถอยไม่ได้ ก็ดันทุรังให้สุดลิ่มทิ่มประตู"

ผมชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า นักการเมืองไทยมีจิตวิญญาณรักประชาธิปไตยจริง มากกว่าผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตน?