สำหรับสายกินปิ้งย่าง ถ้าให้นึกถึงร้านเด็ด ร้านดัง ในดวงใจ ที่เชื่อว่าหลายคนในประเทศไทยต้องเคยได้ลิ้มรสกันมาบ้างแล้วแน่นอน คงหนีไม่พ้นกับแบรนด์ “บาร์บีคิวพลาซ่า” ที่เป็นเชนร้านอาหารชื่อดังและเป็นที่นิยมของคนไทยมาอย่างยาวนานตลอด 35 ปี  และอีกหนึ่งไฮไลน์สำคัญคือ เจ้ามังกรน้อยสีเขียวพุงโตน่ารักที่ยืนอยู่หน้าร้านหรือที่เรารู้จักกันชื่อว่า “บาร์บีกอน” หรือปัจจุบันนี้อาจจะเรียกกันว่า “เจ้าก้อน” นั่นเอง

โดยร้านอาหารดังกล่าว ถือเป็นร้านอาหารปิ้งย่างที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในเรื่องของน้ำจิ้ม นั่นเองที่ไม่มีความเหมือนใคร ประกอบกับมี “ผู้บริหารคนสวย” ที่ทำการตลาดจนเป็นกระแสและเกิดภาพจำที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้จักและอยู่คู่กับแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่ามาอย่างยาวนานอย่างคุณ “บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์” บริหารงานจนเป็นภาพจำในการทำตลาดของแบรนด์ จนได้ประกาศโบกมือลาจากการทำงานเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารกับ “บาร์บีคิวพลาซ่า” เพราะต้องการไปค้นพบการทำงานในรูปแบบที่หลากหลายขึ้นในรูปแบบฟรีแลนด์

จากนั้นเราจึงเฝ้ารอกันว่าใคร ? จะเข้ามารับไม้ต่อบริหารงานร้านอาหารปิ้งย่างแบรนด์ “บาร์บีคิวพลาซ่า” และในเมื่อในนานมานี้ “บาร์บีคิวพลาซ่า” ได้ประกาศฉลอง 35 ปี ก้าวสู่ปีที่ 36 เปิดตัวผู้บริหารหนุ่มคนใหม่ “รัฐ ตระกูลไทย” ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ได้ใหม่สำหรับการทำงานในบริษัทในเครือฟู้ดแพชชั่นฯ เพราะได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานการตลาด  ในเครือฟู้ดแพชชั่นฯ เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นผู้ริเริ่ม Gon Gang Delivery เป็นโปรเจ็คสำคัญที่ดูแลโดยตรง และมีประสบการณ์คร่ำหวอดอยู่ในวงการอุตสาหกรรมร้านอาหารภายใต้บริษัท “ยัม เรสเทอรองตส์” ดูแลในส่วนของ แบรนด์ KFC ตลอดช่วง 10 ปี  เช่นกัน

ภายหลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด “รัฐ ตระกูลไทย” กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารบาร์บีคิวพลาซ่าและแบรนด์ในเครือหลังจากนี้ว่า เบื้องหลังความสำเร็จของบาร์บีคิวพลาซ่า คือ การใช้กลยุทธ์การตลาดที่มีพื้นฐานจากการใช้ Data มาเป็นตัวกำหนดกลยุทธ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกการเปลี่ยนแปลง โดยวิสัยทัศน์ที่สำคัญขององค์กรและแบรนด์ในวันนี้คือการเดินหน้าสู่การเติบโตที่ยั่งยืน โดยจะมุ่งเน้นการทำธุรกิจบนกลยุทธ์ 4C ได้แก่

1. Customers Insight หรือ ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า: มีความเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง ผ่านการใส่ใจมุ่งมั่นดูแล รับฟังลูกค้าตลอดเวลา (Empathize) และเชื่อในการมีส่วนร่วมของลูกค้า (Engagement) รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (Experience)
2. Channels Management หรือ ช่องทางเข้าถึงลูกค้า: สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนของแบรนด์ผ่านการผสมผสานเข้ากับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย เช่น บริการ GON Gang Delivery, GON EXPRESS, และ GON ทัก ตามจุดต่างๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น
3. Character Marketing หรือ การตลาดผ่านคาแรกเตอร์: คาแรกเตอร์ Bar B GON วันนี้เปรียบเสมือนผู้ทำหน้าที่ในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในสังคม โดยในอนาคตตั้งเป้าที่จะนำคาแรกเตอร์ของ GON ไปอยู่ในทุกไลฟ์สไตล์ของผู้คนเพื่อทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น
4. Customer Relationship Management หรือ ลูกค้าสัมพันธ์: สมาชิก GON Gang Club เน้นย้ำการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว โดยนำฐานข้อมูลมาวิเคราะห์และออกแบบให้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละกลุ่มแบบ Personalization

โดยปัจจุบันภาพรวมธุรกิจของบาร์บีคิวพลาซ่าได้ถูกพัฒนาขึ้นในหลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดเพียงร้านปิ้งย่างในศูนย์การค้า โดยล่าสุดมีจำนวนร้านบาร์บีคิวพลาซ่ากว่า 144 สาขา พร้อมด้วย GON Gang Delivery 95 สาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และ GON EXPRESS ให้บริการในรูปแบบ Quick Service Restaurant  รวมทั้งยังมี GON ทัก เพื่อรองรับลูกค้ามองหาอาหารมื้อด่วนที่มีคุณภาพ ในชั่วโมงเร่งรีบ ให้ได้รับบริการได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ หนึ่งในจุดเด่นของบาร์บีคิวพลาซ่าคือฐานสมาชิก GON Gang Club ที่มีถึง 2.25 ล้านรายในปัจจุบัน หรือคิดเป็น 75% ของลูกค้าที่ใช้บริการภายในร้าน

สำหรับภาพรวมของสถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบัน นายรัฐ ได้แชร์มุมมองความเห็นและสิ่งที่ส่งสัญญาณบวกที่น่าสนใจว่า ในปี 2565 เริ่มเห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทยชัดเจนขึ้น โดยผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร ที่ผู้บริโภคกลับมาใช้บริการภายในร้านมากขึ้น โดยข้อมูลจากซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3.78-3.96 แสนล้านบาท พลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวก 5 - 9.9% จากปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับข้อมูลของบาร์บีคิวพลาซ่า ที่มีการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บาร์บีคิวพลาซ่าได้สร้างสรรค์แคมเปญ “อิ่มไม่อั้นมหาชน”  ที่มีกระแสตอบรับท่วมท้น ทำลายสถิติสร้างยอดขายสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ โดยในปี 2565 นี้ บาร์บีคิวพลาซ่าตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,850 ล้านบาท ซึ่งจะกลับมาได้ใกล้เคียงกับช่วงปี 2562 หรือก่อนวิกฤติโควิด

อย่างไรก็ตาม ในโอกาสฉลองครบรอบ 35 ปี ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย บริษัทจึงได้จัดแคมเปญ “ถึงต่างเจน ก็ BLEND เข้ากันได้บนโต๊ะนี้”  เพื่อส่งต่อ 3 ปรากฏการณ์ความสุขผ่านทุกประสบการณ์จากบาร์บีคิวพลาซ่าให้กับทุกคน ซึ่งประกอบด้วย 1. ปรากฏการณ์ความสุขผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษ GONNIVERSARY ที่จะบอกเล่าประสบการณ์ในร้านบาร์บีคิวพลาซ่าที่เป็นพื้นที่แห่งความสุขของคนไทยมาตลอด 35 ปี 2. ปรากฏการณ์ความสุขผ่านชุดอาหาร GONNIVERSARY เพื่อให้ทุกคนทานร่วมกันได้ในราคา 699 บาท และครั้งแรก! ของการเปิดตัว 2 ซอสแบบใหม่ที่แตกต่าง ผสมผสานกลิ่นอายความเป็น 2 เจนเข้าด้วยกัน ได้แก่ บาร์บีคิวสไปร์ซี่ และ บาร์บีคิวมัสตาร์ด เสิร์ฟในถ้วยเดียวกัน สามารถทานเดี่ยวหรือผสมกันก็อร่อย เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติประสบการณ์ปิ้งย่างที่แปลกใหม่กว่าเดิม และ 3. ปรากฏการณ์ความสุขของ “GON ชู่” ที่ยกคาแรกเตอร์พี่ GON ตัวแทนแห่งความสุขของบาร์บีคิวพลาซ่ามาอยู่บนโต๊ะอาหารเพื่อสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและพี่ GON ให้เหนียวแน่นมากยิ่งขึ้น

“แคมเปญนี้ถือเป็นแคมเปญใหญ่ครั้งแรกในรอบปีของเรา ซึ่งเราได้พัฒนาแคมเปญนี้จากอินไซต์ของลูกค้าและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านบาร์บีคิวพลาซ่าในตลอด 35 ปี ที่ได้สร้างความสุขและแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย ทั้งการเป็นร้านที่ทุกเพศทุกวัยสามารถมีความสุขไปด้วยกันได้ ทั้งจากอาหารที่ถูกปากและโมเมนต์การใช้เวลาร่วมกัน จึงเป็นที่มาของภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษ พร้อมด้วยชุดอาหาร GONNIVERSARY ที่จับคู่มากับซอสรสชาติใหม่ และ “GON ชู่” ที่ถือเป็นไอเท็มสำคัญบนโต๊ะอาหารที่ลูกค้าหยิบจับมากที่สุด ทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับความรัก ความผูกพันของบาร์บีคิวพลาซ่า, Bar B GON และลูกค้าให้แน่นแฟ้นมากขึ้นในทุก Touch Point” นายรัฐ กล่าว

ผู้บริหารหนุ่มคนใหม่ กล่าวทิ้งท้ายว่า  ปัจจุบันยอดจับของลูกค้าที่เข้ามารับประทานในร้านบาร์บีคิวพลาซ่าอยู่ที่ 1,000 บาทต่อบิลซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขเดิมที่เคยทำไว้ ดังนั้น เป้าหมายยอดขายที่เติบโตเพิ่มสูงขึ้น หลังไตรมาส 2 ที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายกลับมาได้อีกครั้งที่  2,500 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 3,850 ล้านบาท นั้นทำให้มียอดขายกลับมาใกล้เคียงช่วงปี 2562 หรือก่อนวิกฤตโควิด-19