ออมสิน จับมือมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เปิดโครงการพัฒนา “Holistic Area Based” หนุนพัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

ออมสิน จับมือมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เปิดโครงการพัฒนา “Holistic Area Based” หนุนพัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน


กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร โดยนายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร นางกุลนันท์ ซานไทโว กรรมการผู้จัดการ ประธานกลุ่มงานลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และนายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวานิชธนกิจและตลาดทุน ร่วมพิธีเปิด APEC Voices of the Future 2022 (APEC VOTF 2022) การประชุมตัวแทนเยาวชนจากเขตเศรษฐกิจเอเปค ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของการจัดประชุมและผู้ให้ความรู้และเตรียมความพร้อมแก่ทีมเยาวชนไทย (Educators) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 ณ วชิราวุธวิทยาลัย โดยมีนายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นาย James Soh, Chair of APEC VOTF, Dr. Rebecca Fatima Sta Maria, APEC Secretariat และนายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย

ในปีนี้มีผู้แทนเยาวชนและผู้ให้ความรู้รวม 86 คนจาก 14 เขตเศรษฐกิจเดินทางมาเข้าร่วมทำกิจกรรมเพื่อนำเสนอหัวข้อที่เป็นประเด็นปัญหาและส่งผลต่ออนาคตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยผู้แทนเยาวชนไทยชูประเด็นความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา พร้อมเสนอทางออกผ่านการสร้างทักษะให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานและโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา ทั้งนี้ เยาวชนทั้งหมดจะดำเนินการร่างปฏิญญาเยาวชน พ.ศ. 2565 (Youth Declaration 2022) เพื่อนำไปยื่นต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำของเขตเศรษฐกิจเจ้าภาพฯ เพื่อเป็นการส่งเสียงถึงแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่เยาวชนต้องการเพื่อปูทางสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในรุ่นต่อๆ ไป

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า “นโยบายต่างๆ ที่เราทำในวันนี้จะมีผลกระทบต่อเยาวชนรุ่นใหม่ในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า ในทำนองเดียวกัน ปัญหาทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขในวันนี้จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เยาวชนจะได้รับสิทธิและพื้นที่ในการเปล่งเสียงเหล่านั้นออกมา และแนวทางของการพัฒนาสำหรับเอเปคในปีนี้คือ Open. Connect. Balance.  นั้นสอดรับกับธรรมชาติของเยาวชน หนึ่ง เยาวชนนั้นมีลักษณะ ‘เปิดกว้าง’ (open) เนื่องจากถูกผูกมัดด้วยแนวคิดต่างๆ น้อยกว่าผู้ใหญ่ สอง เยาวชนมีการ ‘เชื่อมต่อ’ (connect) กันมากขึ้นด้วยเทคโลโนยีและโซเชียล มีเดีย และสามเนื่องจากเยาวชนต้องคิดถึงกรอบเวลาที่ยาวนานกว่าผู้ใหญ่เมื่อมองหาวิธีแก้ไขปัญหาระดับโลก การเปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นของเยาวชนในวันนี้จะทำให้เกิดความ ‘สมดุล’ (balance) นี่คือเหตุผลที่กลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทรซึ่งเชื่อมั่นในการส่งเสริมโอกาสอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างประโยชน์ (Optimise Your Opportunities) เห็นว่าสำหรับโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและข้อจำกัดทั้งเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์การเมือง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ วิธีเดียวที่จะเดินไปข้างหน้าคือการสนับสนุนและลงทุนกับเยาวชน ในขณะเดียวกัน โอกาสในการเปิดรับแนวคิดใหม่ ๆ เชื่อมต่อกับเพื่อน ๆ จากประเทศอื่น ๆ และปรับมุมมองและความเข้าใจให้สมดุลกันย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนทุกคนเช่นกัน”

สำหรับตัวแทนเยาวชนไทย นางสาวมนัสยา พลอยนำพล นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  นายสพล ตัณฑ์ประพันธ์ นิสิต ชั้นปีที่ 4 คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนางสาวนภัสสร พิศิษฏพงศ์ นิสิต ชั้นปีที่ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนทีมเยาวชนไทยจากทั้งหมด 12 คน ได้ขึ้นเวทีนำเสนอเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา โดยว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาประเทศ แต่ในประเทศไทยนั้นทรัพยากรด้านการศึกษาไม่ได้กระจายไปอย่างทั่วถึง การเข้าถึงอุปกรณ์เทคโนโลยี อินเทอร์เนต และแหล่งความรู้ไม่เท่ากัน อีกทั้งครูอาจารย์มีภารกิจนอกเหนือจากการสอนมากเกินจำเป็น ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานหลายปีแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยตัวแทนเยาวชนไทยเห็นว่าการยกระดับการแนะแนวอาชีพ(Career Guidance) ด้วยการให้เด็กๆ เข้าถึงความรู้และการแนะแนวเหล่านี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายผ่านการประสานกับภารกิจด้านสังคมขององค์กรเอกชนและภาครัฐต่างๆ จะช่วยสร้างเส้นทางสำหรับเด็กที่ขาดโอกาสให้มีอาชีพที่ดี และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้ 

นายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มธุรกิจฯ ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ให้ความรู้และที่ปรึกษาให้กับเยาวชนผู้แทนประเทศไทยตลอดระยะเวลาของโครงการ เปิดเผยว่า “การนำเสนอของเยาวชนนั้นหลายๆ ประเทศเห็นตรงกันว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดในช่วงที่ผ่านมาทำให้ความเหลื่อมล้ำในประเทศของตนขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นประเด็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข ควบคู่ไปกับความเร่งด่วนของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ และพลังงานทดแทน โดยใจความสำคัญของการแก้ปัญหาคือความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งนอกจากจะเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังต้องทำให้สมดุลและยั่งยืนด้วย ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจฯ ในฐานะผู้สนับสนุนได้จัดเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ โดยเน้นให้น้องเยาวชนได้ทำการศึกษาประเด็นปัญหาอย่างเจาะลึกและร่วมระดมแนวคิดกัน พร้อมจัดหาผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลเสริมในลักษณะ solution based เพื่อที่จะนำไปใช้ประโยชน์กับสังคมในวงกว้างได้ ซึ่งการได้เป็นตัวแทนประเทศถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่เยาวชนจะได้เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ เป็นพื้นฐานที่ดีเพื่อการต่อยอดการเรียนรู้ในอนาคต”

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากการประชุมนี้คือ ‘Youth Declaration’ หรือ ปฏิญญา ซึ่งกลุ่มตัวแทนเยาวชนได้ร่วมกันร่างขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมการนำเสนอ เพื่อสะท้อนมุมมองของเยาวชนที่มีต่อปัญหา ความท้าทาย และโอกาสในประเด็นทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศเอเปค พร้อมเสนอแนะวิธีแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงแนวทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยนำไปยื่นต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำของเขตเศรษฐกิจเจ้าภาพฯ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เพื่อปูทางสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในยุคต่อๆ ไป ผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ APEC Voices of the Future  2022 เพิ่มเติมได้ที่ https://apecvoicesofthefuture.org/

ออมสิน จับมือมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เปิดโครงการพัฒนา “Holistic Area Based” ตั้งเป้า 5 หมู่บ้านยอดดอยเปียงซ้อ จ.น่าน เป็นต้นแบบการพัฒนาแบบองค์รวม ตอบโจทย์ความยั่งยืน

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ริเริ่มเปิดตัวโครงการเพื่อสังคมโปรเจกต์ใหม่ล่าสุด โดยร่วมมือกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดทำโครงการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม หรือ Holistic Area-Based Development คัดเลือก 5 หมู่บ้านของพื้นที่ห่างไกลในตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ได้แก่ 1) บ้านเปียงซ้อ 2) บ้านห้วยฟอง 3) บ้านสะจุก 4) บ้านสะเกี้ยง 5) บ้านห้วยเต๋ย ให้เป็นพื้นที่เป้าหมายของการพัฒนา 9 ด้าน ครอบคลุมมิติคุณภาพชีวิต และมิติเศรษฐกิจ ชุมชน และสังคม ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการบูรณาการแนวคิดเชิงสังคมลงในกระบวนการปฏิบัติงานที่สำคัญ : Social Mission Integration เพื่อขับเคลื่อนการสร้างผลกระทบเชิงบวกในสังคมให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ธนาคารเพื่อสังคม

โครงการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม : Holistic Area-Based Development พื้นที่ 5 หมู่บ้านของจังหวัดน่าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ จำนวนประชากร 500 ครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับผลประโยชน์ในโครงการ โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้เข้าไปบุกเบิกชักชวนชาวบ้านของ 5 หมู่บ้าน ให้เปลี่ยนจากการทำเกษตรเลื่อนลอยที่ทำลายพื้นที่ป่าอนุรักษ์ มาปลูกกาแฟคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่ไม่ทำลายผิวดินและป่าต้นน้ำน่าน ต่อมาธนาคารออมสินได้ริเริ่มจัดทำโครงการต้นแบบตามแนวคิดการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวมขึ้น สนับสนุนงบประมาณ 6,900,000 บาท โดยร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ คัดเลือกให้ 5 หมู่บ้านดังกล่าว เป็นพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาในขั้นต่อไป ด้วยการจัดตั้งโรงแปรรูปกาแฟ เครื่องมืออุปกรณ์ และปัจจัยที่จำเป็นในการแปรรูปเมล็ดกาแฟให้พร้อมจำหน่ายเพิ่มรายได้ต่อกิโลกรัมให้กับเกษตรกร

นอกจากนี้ ธนาคารยังจัดสรรงบประมาณอีกจำนวนหนึ่งสำหรับมิติการพัฒนาด้านอื่นที่รับผิดชอบดำเนินการโดยบุคลากรของธนาคารทั้งจากส่วนกลาง และธนาคารออมสินภาค 9 (จังหวัดน่าน) อาทิ ด้านการจัดหาแหล่งเงินและแก้ปัญหาหนี้ การสร้างอาชีพสร้างรายได้อื่นนอกเหนือจากการเกษตร เช่น การส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการโฮมสเตย์รวม 18 ราย ที่ผ่านการอบรมยกระดับโฮมสเตย์มาตรฐานจากกรมการท่องเที่ยว องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) และ Airbnb การฝึกอบรมสอนอาชีพช่างโดยวิทยาลัยเทคนิคปัว การสนับสนุนด้านการศึกษา ทั้งที่เป็นก่อสร้าง/ปรับปรุงอาคารโรงอาหาร ห้องน้ำ สนามเด็กเล่น และการส่งเสริมการเรียนการสอนด้าน ICT โดยความร่วมมือของมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา (CONNEXT ED) การสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์แก่โรงพยาบาลเสริมสุขภาพตำบลและกิจกรรมของ อสม. การปรับปรุงระบบจัดการน้ำดื่มน้ำใช้ การติดตั้งระบบไฟ Solar System ระบบอินเตอร์เน็ต เป็นต้น ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายการพัฒนาและช่วยเหลือชาวบ้านให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เห็นการเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลา 1 ปี และคาดว่าจะมีผู้ได้รับผลประโยชน์ในโครงการต้นแบบฯ ครั้งนี้ ทั้งประชากรของ 5 หมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียง ไม่น้อยกว่า 10,000 ราย

ด้วยการเริ่มต้นจากจุดเล็กที่ธนาคารออมสินได้ริเริ่มในพื้นที่นี้ เมื่อสามารถขยายตัวลงมือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นรูปธรรมจนนำไปสู่ความสำเร็จ หากเกิดการทยอยทำหลายพื้นที่ แล้วได้ต่อภาพจากต้นแบบนี้ จนมีการขยายผลไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ธนาคารออมสินจะดำเนินการเอง หรือหากมีหน่วยงานอื่น จะทำลักษณะนี้ด้วย จะเป็นการช่วยกันใส่ความช่วยเหลือให้ในหลาย ๆ จุดตามพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ ดังเช่นจุดริเริ่มที่ตำบลขุนน่านนี้ ถือว่ายากลำบากทุรกันดารที่สุด หากทำสำเร็จได้แล้ว พื้นที่ใด ๆ ก็ตามในประเทศไทยก็สามารถพัฒนาไปสู่ความสำเร็จเช่นนี้ได้ทั้งสิ้น.

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ