Toggle navigation
วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน 2568
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
E-Book
นสพ. สยามธุรกิจ
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
วิเคราะห์-บทความ-คอลัมน์
ประเมินสถานะ "รอมฎอน" ...เดือนศักดิ์สิทธิ์หรือสาดโลหิต?
ประเมินสถานะ "รอมฎอน" ...เดือนศักดิ์สิทธิ์หรือสาดโลหิต?
วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
Tweet
ช่วงนี้ถือเป็นช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องชาวมุสลิม คือ "เดือนรอมฎอน" เป็นเดือนที่มุสลิมถือศีลอดทั้งเดือนด้วย หรือเรียกว่า "เดือนบวช" และถือว่าเป็นเดือนที่สำคัญที่สุดเดือน หนึ่ง มุสลิมจะต้องอดอาหารเพื่อ ที่จะได้มีความรู้สึกถึงคนที่ไม่ได้รับการดูแลจากสังคม เช่น คนยากจน เป็นต้น และเดือนนี้ยังเป็น เดือนที่อัลกุรอานได้ถูกประทาน ลงมาเป็นทางนำให้กับมนุษย์ มุสลิม จึงต้องอ่านอัลกุรอาน เพื่อศึกษา ถึงสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์รู้ว่าการเป็นอยู่ในโลกนี้และโลกหน้าจะเป็นอย่างไร และจะต้องทำ ตัวอย่างไรบ้าง กิจกรรมพิเศษ คือ การละหมาดตะรอเวียะฮ์
การถือศีลอดเป็นการอบรมมนุษย์ ให้มีการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากและสิ่งแวดล้อม ของชีวิตชั่วระยะเวลาหนึ่งของทุกๆ ปี และเพื่ออบรมมนุษย์ให้เรียนรู้ถึงการควบคุมความใคร่และความต้องการของ แต่ละคนให้มีความเคยชินต่อการอดทน ขันติ และมีความยำเกรงต่อ "อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา" หรือองค์พระศาสดาอยู่เสมอ อิสลามได้มีคำสั่งสอนให้มนุษย์มีความสนใจในตัวเอง ซึ่งประกอบด้วยร่างกายและวิญญาณหรือ จิตใจ โดยมิให้สนใจแต่เพียงด้านหนึ่งและไม่เอาใจใส่อีกด้านหนึ่ง ดังนั้นอิสลามจึงได้บัญญัติให้มีการฝึกอบรมและการปฏิบัติ และเป็นที่ประจักษ์ ชัดแจ้งแล้วว่าการฝึกอบรมและการปฏิบัติที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่นั้นก็คือ "การถือศีลอด" .. เพื่อนชาวมุสลิมกล่าวว่า ช่วงนี้ถือว่าเราได้ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุด
พลโทพิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ในเดือนรอมฎอนชาวไทยมุสลิมจะถือศีลอด ซึ่งเป็นศาสนกิจที่สำคัญ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9 และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดในพื้นที่ชายแดนภาคใต้จึงจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น ซึ่งเป็นกิจกรรมบุญพิเศษใน 10 วันสุดท้าย ของเดือนรอมฎอน มีการประกวดอาซาน การอ่านอัลกุรอาน การละหมาดร่วมกัน ของเยาวชนญาลันนันบารู
ทั้งนี้ โครงการเยาวชนญาลันนันบารู หรือทางสายใหม่ เป็นโครงการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2550 เพื่อช่วยเหลือเยาวชนในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยนำเยาวชนกลุ่มเสี่ยง เข้ามารับการ ฝึกอบรมโดยสมัครใจในโรงเรียนญาลันนันบารู เพื่อเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของยาเสพติด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และใช้กิจกรรมทางศาสนามาเป็นส่วนในการช่วยเหลือ ปัจจุบันดำเนินการได้แล้วกว่า 17,000 คน ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากเข้ารับการอบรมแล้ว เยาวชน ที่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สามารถตัดสินใจเลิกได้ทันที หรือมีการใช้ลดลง และมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น
นิมิตหมายอันดีอีกเรื่องหนึ่งคือทางด้านบีอาร์เอ็นได้ออกแถลงการณ์ลดการก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอนแต่ยังมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น ส่วนเหตุการณ์ ความวุ่นวายที่ยังมีให้เห็นอยู่ในพื้นที่ ทางบีอาร์เอ็นสัญญาว่าจะดำเนินการตรวจสอบให้ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุความ ไม่สงบหรือไม่ ซึ่งต้องมีความชัดเจนก่อน แต่อย่างน้อย บีอาร์เอ็นก็มีการแสดงเจตจำนงที่จะเห็นความสงบและความ ร่วมมือเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพี่น้องมุสลิมในการประกอบศาสนกิจ
แต่อย่าลืมว่านี่ไม่ใช่การตกลงกัน ครั้งแรกสำหรับเงื่อนไขแบบนี้เพราะเคยมีหลักฐานบันทึกไว้ก็เมื่อปี 2553 ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ถึงข้อตกลง "หยุดยิง" ในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้เป็นทางการเหมือนครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม การร่วมมือกันในการลดความรุนแรงช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ทางการมาเลเซียอำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็น ได้แถลงอย่าง เป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ก.ค.ที่ผ่าน มานั้น ไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดขอบเขต ของคำว่า "ลดความรุนแรง" ว่าขนาดไหน!!
จากสถิติที่ศูนย์อำนวยการบริหาร จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการฯ ได้เผยแพร่สถิติเหตุรุนแรงย้อนหลังช่วงเดือนรอมฎอนตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2555 หรือย้อนหลัง 4 ปี ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี (ไม่มี อ.สะเดา) ซึ่งจัดทำโดย ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) มาให้สังคมได้พิจารณาและเป็นข้อมูลพื้นฐาน
อย่างไรก็ดี เดือนรอมฎอนของแต่ละปีตรงกับเดือนตามปฏิทินสากลคนละเดือนกัน และส่วนใหญ่คร่อมเดือน ตามปฏิทินสากลด้วย ฉะนั้นการอ้างอิง ข้อมูลย้อนหลังจะอ้างอิงเฉพาะเดือนรอมฎอนเท่านั้น ไม่ได้ระบุว่าตรงกับเดือนไหนตามปฏิทินสากล แต่ส่วนใหญ่ จะอยู่ในห้วงเดือน ก.ค.ถึง ก.ย.หรือบางปีอาจจะล่วงเลยถึง ต.ค.
รอมฎอนปี 2552 จำนวนเหตุรุนแรง 83 เหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต 41 ราย ผู้บาดเจ็บ 177 ราย
รอมฎอนปี 2553 จำนวนเหตุรุนแรง 88 เหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต 33 ราย ผู้บาดเจ็บ 50 ราย
รอมฎอนปี 2554 จำนวนเหตุรุนแรง 71 เหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต 37 ราย ผู้บาดเจ็บ 58 ราย
รอมฎอนปี 2555 จำนวนเหตุรุนแรง 62 เหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต 29 ราย ผู้บาดเจ็บ 86 ราย
นี่คือสถิติเหตุรุนแรงเฉพาะเดือนรอมฎอน ซึ่งกินเวลา 30 วัน แต่ความเข้าใจร่วมกันว่าด้วยการริเริ่มลดเหตุรุนแรงในปีนี้ ไม่ได้ทำเฉพาะช่วงเดือนรอมฎอนแต่ต่อเนื่องไปถึงเดือนเซาวัล หรือเดือนต่อจากเดือนรอมฎอนตามปฏิทินอิสลามไปด้วยอีก 10 วัน ซึ่งเป็น ช่วงของเทศกาลฮารีรายอ (อีฎิ้ลฟิตรี) หรือการเฉลิมฉลองหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน ซึ่งมุสลิมจะเดินทางไปเยี่ยมเยียน พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เพื่อขอ อภัยต่อกันในสิ่งที่ผ่านมา เป็นวันที่ทุกคน มีความสุข
ทั้งนี้ สถิติการเกิดเหตุการณ์รุนแรง ย้อนหลังในเดือนรอมฎอนบวกกับช่วงฮารีรายอ หรือ 10 วันแรกของเดือนเซาวัล ตังแต่ปี 2552-2555 มีดังนี้
รอมฎอน+10 วัน ปี 2552 จำนวน เหตุรุนแรง 95 เหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต 51 ราย ผู้บาดเจ็บ 183 ราย
รอมฎอน+10 วัน ปี 2553 จำนวน เหตุรุนแรง 97 เหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต 42 ราย ผู้บาดเจ็บ 54 ราย
รอมฎอน+10 วัน ปี 2554 จำนวน เหตุรุนแรง 81 เหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต 42 ราย ผู้บาดเจ็บ 63 ราย
รอมฎอน+10 วัน ปี 2555 จำนวน เหตุรุนแรง 73 เหตุการณ์ ผู้เสียชีวิต 34 ราย ผู้บาดเจ็บ 89 ราย
อย่างไรก็ตาม การลดเหตุความรุนแรงในช่วงถือศีลอดคงไม่ง่ายอย่างที่คิด นอกจากกลุ่มบีอาร์เอ็นที่คุยกันอยู่ก็ยังมีขบวนการอื่นที่แสดงความ ไม่เห็นด้วยกับเส้นทางสันติสุขสายนี้นักและยังพยายามทำตัวเป็นภัยแทรก-ซ้อนอยู่ตลอดเวลา เห็นได้จากป้ายผ้าที่มีข้อความ "pangganas+peng-khianat+pinipu+memfitnah = PENJAJAH SIAM" แปลว่า "โจรผู้หลอกลวง ถูกใส่ร้ายใส่ความ=ขี้ข้าสยาม" ที่ถูกนำขึ้นแขวนที่จ.ยะลาก่อนการถือศีลบวช
แม้ตอนนี้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐจะลดปฏิบัติการเชิงรุก แต่มีเชิงรับที่ต้องเพิ่ม ความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัย สถานที่ราชการ โรงเรียน ครู พระ นักเรียน รวมถึงการปรับกำลังให้สอดคล้องกับสภาวะการช่วงรอมฎอน
แต่การระเบิดทหารชุดรักษาความปลอดภัยครูสังกัดร้อย ร.15234 ฉก.ยะลา ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา เมื่อ เช้าวันที่ 11 ก.ค.นั้น กลับเป็นการสร้าง ความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐเพื่อให้กลับมาใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น แม้ทางภาครัฐจะยังยืนยันว่ายังไม่ทบทวนยุติการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น และมาตรการยุทธศาสตร์หลักการพูดคุยยังคงดำรงอยู่ต่อไป
พล.ต.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม รองผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าแม้การพูดคุยกับขบวนการ บีอาร์เอ็นจะดูส่งผลในทางบวก แต่เหตุการณ์ความไม่สงบกลับไม่ลดลง
แสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุยังไม่ให้ความสนใจ หรือเป็นการแก้แค้นให้ กับสมาชิกที่ถูกวิสามัญ และถูกจับกุม หรือเป็นการหักหลังกันในขบวนการการค้ายาเสพติด หรือการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเชื่อว่า ในช่วงเดือนรอมฎอนเหตุการณ์ ความรุนแรงคงจะยังไม่ลดลง เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่ต้องการการพูดคุยสันติภาพ และเชื่อว่าก่อเหตุช่วงนี้จะได้บุญมาก ส่วนแกนนำในประเทศมาเลเซียเป็นคนสั่งการ สอดรับกับเหตุ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง
มีทฤษฎีการก่อการร้ายที่เกี่ยวเนื่องกับทางศาสนาอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ เพราะเดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่ศาสนิกชนจะมีความรู้สึกว่าใกล้ชิด กับพระเจ้าเป็นพิเศษนั่นเอง ทำให้เขาเหล่านั้นมีความเชื่อว่าการกระทำใดๆที่ก่อขึ้นในช่วงนี้เป็นการกระทำเพื่อพระเจ้าและพระองค์จะโปรดเป็นที่สุด หากเสียชีวิตก็จะได้ไปอยู่กับพระเจ้า ความเชื่อที่ผิดหลักแบบนี้แพร่หลายอยู่มากในตะวันออกกลางและน่าจะมีแนวโน้มติดมากับนักศึกษาไทยที่ไปเรียน ที่นั่นกลับมาด้วย
อย่างไรก็ดี "นิมุ มะกาเจ" ผู้นำศาสนา และผู้ทรงคุณวุฒิประจำ จ.ยะลา ได้กล่าวข้อเรียกร้องถึงกลุ่มผู้หลงผิดว่า อยากจะขอร้องและเชิญชวนให้มุสลิมทั้งหลายทำดีให้มากที่สุด เพราะการทำดีในภาวะตรงนี้จะได้บุญทวีคูณมากกว่าเป็นผลบุญที่อัลเลาะห์รับไปเลยเพราะเป็นช่วงที่สวรรค์เปิด แม้บางคน จะคิดว่า การต่อสู้ก็ดี การสงครามก็ดีไม่เกี่ยวกับเดือนรอมฎอน ตรงนี้ก็ใช่ แต่ว่าเดือนรอมฎอน ก็ไม่ได้ระบุว่าสงครามจะต้องหยุด แต่เราจะมองในอีกมุมมองหนึ่งก็คือ อย่าไปคิดว่าสงครามเรามองในแง่ของการทำความดี จึงอยากเรียกร้องว่าช่วงเดือนรอมฎอน ในการถือศีลอด อย่าไปทำลาย อย่าไป ทำร้าย อย่าทำให้คนเสียหาย อย่าทำ ให้คนเจ็บช้ำน้ำใจ อย่าฆ่าคนเลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ttb analytics มองเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็ง...
...
มาตรการ MPOWER เสาหลักกฎหมายควบคุมผลิตภั...
...
“ทักษิณ” พ่อมดการเมือง????...
...
สังคมอุดมการพนัน By นายหวานเย็น...
...
ประธานาธิบดีพันธุ์หมาบ้า...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ