วันนี้ (1 ธันวาคม 2565) เวลา 11.00 น. ดร.อธิรัฐ  รัตนเศรษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ท่าเรือบางโพ เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้าการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือต่าง ๆ ในแม่น้ำเจ้าพระยา ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ให้มีความพร้อมในการมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนในปี 2566 นี้ โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า พร้อมด้วยนายสมชาย สุมนัสขจรกุล รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านวิชาการ  นายวรรณชัย บุตรทองดี ผู้อำนวยการกองวิศวกรรม นายสุวิทย์ ดอกคำ เลขานุการกรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการฯ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า รัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทั้งทางบก น้ำ ราง อากาศ ให้มีความเชื่อมโยง สะดวก ปลอดภัย สร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่ประเทศ โดยมอบหมายให้กรมเจ้าท่า ที่มีภารกิจในการพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำให้เกิดความปลอดภัย สะดวก สบาย เชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่น  กำหนดแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสารอัจฉริยะ (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา พ.ศ. 2562 - 2567 ให้เป็นสถานีเรือ จำนวน 29 ท่าเรือ ให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงามเกิดเป็นจุดหมายตา (Landmark) ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวก (อารยสถาปัตย์) สำหรับผู้สูงอายุ และผู้พิการ โดยในปลายปี 2565 นี้ จะปรับปรุงและพัฒนาแล้วเสร็จอีก จำนวน 2 ท่าเรือ ที่จะสามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่น เพื่อสร้างทางเลือกในการเดินทาง ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนดียิ่งขึ้น พร้อมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในปี 2566 นี้ ดังนี้

ท่าเรือบางโพ ได้ยกระดับให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะหรือ Smart Pier ออกแบบสถาปัตยกรรมแบบร่วมสมัย (โมเดิร์น) ให้มีมาตรฐานและความปลอดภัย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสามารถเชื่อมโยงกับระบบขนส่งรูปแบบอื่น ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเฉพาะการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างเรือโดยสาร รถโดยสารประจำทาง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีบางโพ)

โดยการปรับปรุงพัฒนาท่าเรือบางโพ ดำเนินการพัฒนาปรับปรุงก่อสร้าง โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 44.9 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินการได้ร้อยละ 98 ได้แก่

1.ก่อสร้างอาคารพักผู้โดยสาร 2  ชั้น พื้นที่ประมาณ 1,370 ตารางเมตร

2.โป๊ะเทียบเรือรูปตัวแอลขนาด 9.4x24 เมตร พร้อมสะพานปรับระดับ จำนวน 1 ชุด

สำหรับท่าเรือราชินี เป็นหนึ่งในท่าเรือที่ได้รับการยกระดับให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะ หรือ Smart Pier ในจุดเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่เมืองและแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อระบบการขนส่ง เรือ-ราง-ล้อ ที่สมบูรณ์แบบ เชื่อมต่อระหว่างเรือโดยสาร รถโดยสารประจำทาง และ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีสนามไชย) โดยการปรับปรุงพัฒนาท่าเรือราชินี ดำเนินการพัฒนาปรับปรุงก่อสร้าง โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 30.30 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้แก่

1. ก่อสร้างอาคารพักผู้โดยสาร 2 ชั้น พื้นที่ 1,277 ตารางเมตร พร้อมพื้นที่ดาดฟ้าหลังคา ให้เป็นลานกิจกรรมใช้ประโยชน์เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมตกแต่งภายในบริเวณอาคารพักคอยเน้นความเป็นไทย มีระบบควบคุมและการให้บริการที่ทันสมัย

2. ก่อสร้างทางเดินเชื่อมท่าเรือกับพื้นที่บนฝั่งจุดเชื่อมต่อทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าสนามไชย พร้อมซุ้มประตูทางเข้าท่าเรือให้มีความเป็นเอกลักษณ์

3. ก่อสร้างโป๊ะเทียบเรือ ขนาด 9x24 เมตร พร้อมสะพานปรับระดับขึ้นลงโป๊ะเทียบเรือ จำนวน 1 โป๊ะ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจท่าเรือบางโพ ได้มีการปรับปรุงพัฒนาใกล้แล้วเสร็จ เหลือเพียงการตกแต่งบางส่วน และจัดเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย พร้อมนี้ ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า เร่งดำเนินการงานในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เพื่อให้มีความพร้อมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2566 ให้กับประชาชน โดยจะเชิญท่าน พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกฯรัฐมนตรี มาเป็นประธานเปิดท่าเรือฯ อย่างเป็นทางการ ในช่วงปลายปีนี้  

นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า  นับแต่ พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม มุ่งมั่นดำเนินการก่อสร้างปรับปรุง และพัฒนายกระดับท่าเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 29 แห่ง สู่ “ท่าเรืออัจฉริยะ” หรือ Smart Pier ทั้งในส่วนของท่าเรือ ตัวเรือ ตลอดจนพัฒนาระบบการให้บริการรองรับชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) พร้อมทั้งรูปลักษณ์ที่สวยงาม ตามหลักอารยสถาปัตย์ มีสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีที่ทันสมัย เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นอย่างไร้รอยต่อ และสามารถเข้าถึงได้ของคนทั้งมวล และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 2 ท่าเรือ กรมเจ้าท่า พร้อมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2566 ให้ประชาชน เพื่อสร้างทางเลือก และความสุขในการเดินทาง สมคำที่ว่า " ท่าเรือแห่งความสุข : HAPPY PIER " พร้อมเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างยั่งยืน