นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึง สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติ (3 มกราคม 2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 2,453 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา 2,379 คดี คดีขับรถประมาท 4 คดี และคดีขับเสพ 70 คดี สำหรับยอดรวมสะสม 6 วัน ที่มีการควบคุมเข้มตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2565 – 3 มกราคม 2566 มียอดสะสม จำนวน 7,277 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 6,992 คดี คิดเป็นร้อยละ 96.08 คดีขับรถประมาท 15 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.21 และคดีขับเสพ 270 คดี คิดเป็นร้อยละ 3.71 หากเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่คุมประพฤติในวันที่ 6 ของการคุมเข้ม พ.ศ. 2565 กับ พ.ศ. 2566 พบว่า คดีขับรถขณะเมาสุรา ปี พ.ศ. 2565 จำนวน 317 คดี ปี พ.ศ. 2566 มีจำนวน 2,379 คดี เพิ่มขึ้น 2,062 คดี จังหวัดที่มีสถิติคดีเมาแล้วขับสะสมสูงสุด 3 อันดับได้แก่ ร้อยเอ็ด 427 คดี นนทบุรี 318 และ สมุทรปราการ 252 คดี
อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมคุมประพฤติให้ความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังควบคู่กับมาตรการแก้ไขฟื้นฟู เพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุรามีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงมีส่วนช่วยสนับสนุนการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน โดยให้ผู้กระทำผิดปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ได้แก่ การรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ การพักใช้ใบอนุญาตขับรถซึ่งจะมีการกำหนดระยะเวลา การเข้าอบรมความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย/วินัยจราจร และใช้กระบวนการกลุ่มร่วมกับการทำงานบริการสังคม เช่น การดูแลเหยื่ออุบัติเหตุ ผู้พิการ การช่วยเหลืองานในโรงพยาบาล เพื่อเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกแก่ผู้ถูกคุมความประพฤติไม่ให้หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
ในส่วนของการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดบริการประชาชน ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ พร้อมด้วยอาสาสมัครคุมประพฤติ ภาคีเครือข่าย และผู้ถูกคุมความประพฤติ จำนวน 3,088 คน ร่วมปฏิบัติงานประจำจุด จำนวน 175 จุด พร้อมกันนี้ยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในการเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ