ตามที่มีประเด็นข้อสงสัยของสังคม กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ได้ดำเนินการเปลี่ยนป้าย “สถานีกลางบางซื่อ” เป็น “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” มีการลงนามจ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่ง โดยใช้งบประมาณ 33 ล้านบาท นั้น
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมายังมีผู้ที่แสดง
ความคิดเห็น และให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงในหลายประเด็น จึงขอสรุปประเด็นข้อสงสัยเพิ่มเติม และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ดังนี้
ภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เริ่มจาก เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 การรถไฟฯ ได้รับแจ้ง
จากกระทรวงคมนาคม ให้ทราบถึงการปรับเปลี่ยนชื่อเส้นทางรถไฟชานเมืองสายสีแดง และปรับเปลี่ยนชื่อสถานีกลางบางซื่อ ประกอบด้วย
ต่อมากระทรวงคมนาคม มีหนังสือวันที่ 5 ตุลาคม 2565 และวันที่ 6 ธันวาคม 2565 แจ้งให้การรถไฟฯ เร่งรัดการดำเนินการติดตั้งชื่อ “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยยึดปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด การรถไฟฯ จึงได้ดำเนินการโดยให้เป็นไปตามกฎหมายตามภารกิจที่ได้รับโดยเคร่งครัด
หลังจากได้รับแจ้งจากกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 5 ตุลาคม 2565 การรถไฟฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตของงานและกำหนดราคากลาง โครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่จัดทำร่างขอบเขตของงาน (TOR) ราคากลาง และร่างเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามที่ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
โดยคณะกรรมการฯ ได้ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ตั้งแต่ช่วงวันที่ 5 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่
20 ธันวาคม 2565 ในการดำเนินการจัดทำรายงานผลราคากลาง และดำเนินการเพื่อขออนุมัติ ทั้งนี้ การดำเนินการเป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 9 และตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 21
ดังนั้น จึงขอยืนยันว่า การรถไฟฯ มีการดำเนินการในขั้นตอนการจัดทำร่างขอบเขต
ของงาน (TOR) อย่างถูกต้องเคร่งครัดครบถ้วนทุกประการแล้ว
คณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตงานและราคากลาง ได้กำหนดขอบเขตงานที่หลากหลาย ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่การเปลี่ยนป้ายชื่อเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดทำระบบไฟ งานรื้อถอน ที่มีความละเอียดอ่อนและต้องปรับปรุงอย่างระมัดระวัง รวมถึงมีการรับประกันความชำรุดบกพร่อง เพื่อให้โครงการเกิดความรอบคอบ เสร็จสิ้นเรียบร้อยตามกำหนด
“สถานีกลางบางซื่อ” ถือเป็นป้ายขนาดใหญ่ ขณะที่ป้ายชื่อ “สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์” มีความยาวของชื่อ และจำนวนตัวอักษรเพิ่มขึ้นจากเดิม อีกทั้ง ป้ายอักษรติดตั้งใหม่บนโครงสร้างอาคารสถานีจะต้องมีโครงเหล็กยึดตัวอักษรไว้ที่ด้านหลัง และมีความยากในการเจาะช่องทะลุผนังกระจกนิรภัย (Tempered Glass) ที่หนากว่า 10 มิลลิเมตร เพื่อยึดตัวอักษรแต่ละตัวจึงจำเป็นต้องรื้อถอนผนังกระจกเดิม และติดตั้งผนังกระจกใหม่ที่มีช่องรองรับกับโครงสร้าง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษ
“โดยเฉพาะการรื้อถอนป้ายสถานีกลางบางซื่อ (เดิม) งานรื้อผนังกระจก (เดิม) รวมถึงการติดตั้งป้ายสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (ใหม่) และงานติดตั้งผนังกระจกนิรภัย (ใหม่) การติดตั้งกระเช้าไฟฟ้า (แขวนสลิง) ยาว 6 เมตร รวมการย้ายจุดทำงาน จำนวน 4 กระเช้า (ชุด) ระดับความสูงของป้ายสูงจากระดับพื้นดินประมาณ 28 เมตร ความสูงเทียบเท่าตึก 9 ชั้น งานติดโครงสร้างเหล็กเพิ่มที่ต้องยกขึ้นไปติดตั้งกว่า 13 ตัน เป็นงานที่ต้องใช้ความระมัดระวังและต้องมีความชำนาญเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับโครงสร้างอาคารสถานี และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ”
โดยมีรายละเอียดงานจ้างที่ต้องดำเนินการ แบ่งเป็น 4 หมวดงาน คือ
งานส่วนที่ 1 งานโครงสร้างวิศวกรรม
งานส่วนที่ 2 งานสถาปัตยกรรม
งานส่วนที่ 3 งานออกแบบรายละเอียดพร้อมรายการคำนวณ
งานส่วนที่ 4 งานติดตั้งและรื้อถอนวัสดุปิดแทนกระจกระหว่างเปิดใช้งาน (งานเผื่อจ่าย : Provisional Sum)
ผู้รับจ้างยังต้องมีหน้าที่ และความรับผิดชอบในการดำเนินงานให้แล้วเสร็จครบถ้วนสมบูรณ์รวมถึงงานประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม และงานติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่างของป้ายชื่อ (ใหม่) ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ โดยสอดคล้องหรือใกล้เคียงตามข้อกำหนดของโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 ซึ่งมีระยะเวลาที่สัญญาจ้างกำหนดเป็นจำนวน 150 วัน รวมถึงการรับประกันผลงานในช่วงรับประกันความชำรุดบกพร่อง 365 วัน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า นอกจากการรถไฟฯ ได้พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ คำนึงถึงมาตรฐาน และความปลอดภัยแล้ว การรถไฟฯ ยังคำนึงถึงความคุ้มค่าโดยกำหนดให้มีขอบเขตงานในส่วนของปริมาณงานหลัก และงานเผื่อจ่ายไว้ในสัญญา โดยในส่วนเงินค่าจ้างของงานแต่ละรายการจะจ่ายตามจำนวนที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ ทั้งหมดนี้จะมีการควบคุมอย่างละเอียด หากไม่จำเป็นต้องดำเนินการในส่วนใด การรถไฟฯ ก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจจะมีการเบิกจ่ายจริงไม่ถึง 33 ล้านบาท ตามกรอบวงเงินที่จัดจ้าง ซึ่งเงื่อนไขการชำระเงินค่าจ้างดังกล่าวได้มีการระบุในสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างไว้อย่างชัดเจนแล้ว
การรถไฟฯ ได้ดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบของกรมบัญชีกลางถูกต้องครบถ้วน
ในทุกขั้นตอน โดยรายละเอียดของราคากลาง เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและ
การบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 4 และมีการคํานวณตามหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดราคากลางงานก่อสร้าง ตามที่คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการของกรมบัญชีกลาง อีกทั้งยังปฏิบัติตามคู่มือแนวทางการประกาศรายละเอียดข้อมูลราคากลางและการคำนวณราคากลางเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ โดยได้เปิดเผยราคากลาง ตารางแสดงวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร และราคากลางในงานจ้างก่อสร้าง (แบบ บก.01) ในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 33,169,726.39 บาท ซึ่งมีรายละเอียดตามภาพประกอบ ดังนี้
เนื่องจาก “โครงการจัดทำป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และตราสัญลักษณ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย” มีปริมาณงานที่หลากหลาย ไม่ได้มีเพียงแค่การเปลี่ยนป้ายชื่อเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดทำระบบไฟฟ้าแสงสว่าง งานรื้อถอน การเปลี่ยนผนังกระจก โครงผนังกระจกอะลูมิเนียม ค่าการออกแบบด้านวิศวกรรมโครงสร้าง และรูปแบบการติดตั้งที่มีขอบเขตงานที่เกี่ยวกับการรื้อถอนของเดิมที่มีความละเอียดอ่อน และต้องปรับปรุงอย่างระมัดระวัง การติดตั้งของใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของอาคารสถานีที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว ตลอดจนมีการกำหนดการรับประกันความชำรุดบกพร่องภายในขอบเขตงานอีก 365 วัน เพื่อให้โครงการเกิดความรอบคอบเสร็จสิ้นเรียบร้อยตามกำหนด และคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้งาน ความคุ้มค่าของงบประมาณ ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม ตลอดจนให้เกิดความปลอดภัยต่อโครงสร้างสถานี ความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการ และความเหมาะสมในการเป็นสถานีกลางฯ ที่สำคัญของประเทศ และภูมิภาค คณะกรรมการจัดทำร่างขอบเขตของงานและกำหนดราคากลางของโครงการฯ ได้พิจารณาดำเนินการทุกขั้นตอน โดยยึดหลักความถูกต้อง รอบคอบ โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต ตรงไปตรงมา และเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่างเคร่งครัด จนได้มาซึ่งราคากลางที่เหมาะสม คุ้มค่า
ทั้งนี้ ถ้าเปรียบเทียบราคาเฉพาะการผลิตและการติดตั้งตัวอักษรชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และตราสัญลักษณ์การรถไฟฯ ซึ่งกำหนดเป็นราคากลางในปี 2565 จำนวนเงิน 19,642,043.52 บาท (ไม่รวมงานรื้อย้าย งานโครงสร้าง งานติดตั้งกระจก และงานอื่นๆ) ซึ่งมีจำนวนตัวอักษร และตราสัญลักษณ์รวม 112 ตัว คิดเป็นเงินเฉลี่ย 175,375.39 บาทต่อตัวอักษร หรือ 28,849.72 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับราคากลางป้ายสถานีกลางบางซื่อ (เดิม) ซึ่งกำหนดราคากลางเมื่อปี 2553 รวมเงินเฟ้อจากปี 2554 – 2565 เป็นเงินจำนวน 12,201,995.32 บาท ซึ่งป้ายสถานีกลางบางซื่อ (เดิม) มีจำนวนตัวอักษรรวม 70 ตัว คิดเป็นเงินเฉลี่ย 174,314.22 บาทต่อตัวอักษร หรือ 32,249.70 บาทต่อตารางเมตร จะเห็นได้ว่า ราคาป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และสัญลักษณ์การรถไฟฯ เป็นราคาที่เหมาะสม ไม่ได้แพงเกินจริงตามที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใด ซึ่งมีรายละเอียดตามภาพประกอบ ดังนี้
ดังนั้น การรถไฟฯ จึงขอยืนยันว่าการได้มาซึ่งราคากลาง เป็นไปตามระเบียบและถูกต้องตามขั้นตอนต่าง ๆ และนำมาซึ่งราคาที่เหมาะสมอย่างแท้จริง
การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงในโครงการนี้ มีรายละเอียดการพิจารณาดังนี้
การรถไฟฯ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบในทุกมิติทั้งในเรื่องของ
การรถไฟฯ ขอยืนยันว่าการจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงได้ใช้ดุลยพินิจภายใต้กรอบ
ของกฎหมาย โดยพิจารณาอย่างรอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน และมองในทุกมิติ คำนึงถึงประโยชน์สูงสุด ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 56 (2) (ค) ที่ให้หน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการจัดจ้างจากผู้ประกอบการซึ่งมีคุณสมบัติโดยตรงเพียงรายเดียว อีกทั้ง บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ยังเป็นคู่สัญญา และเป็นบริษัทที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่มีความเข้าใจในโครงสร้างของสถานีเป็นอย่างดี อันจะลดความเสี่ยง ทำให้เกิดความปลอดภัย และไม่เกิดผลกระทบต่อโครงสร้างของสถานี และความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ จึงเป็นการดำเนินการที่เหมาะสมถูกต้องแล้ว
กระทรวงคมนาคม ได้ให้ความสำคัญกับทุกความคิดเห็นที่อาจจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงในหลายประเด็น จึงได้ตอบชี้แจงในประเด็นข้อสงสัยไปแล้ว รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างในโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วนมาร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง
ในขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ได้มีการชี้แจงประเด็นข้อสงสัยเพิ่มเติมรวมกันอีกหลายครั้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในโครงการฯ อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับขั้นตอนดำเนินการตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พร้อมกับคำนึงถึงประโยชน์การใช้งาน ความคุ้มค่าของงบประมาณ และความถูกต้องตามหลักวิศวกรรมเป็นสำคัญ ในระหว่างที่ยังมีข้อสงสัยในประเด็นการดำเนินการเปลี่ยนป้าย และยังอยู่ในระหว่างการรอความเห็นจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ของกระทรวงคมนาคม เพื่อแสดงถึงจุดยืนและความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นการรถไฟฯ จึงได้สั่งการให้ผู้รับจ้างระงับงานรื้อย้าย จัดหา และติดตั้งงานก่อสร้างปรับปรุงเป็นการชั่วคราว เพื่อให้มีความชัดเจนทั้งในด้านความถูกต้องครบถ้วน และรอรับฟังความเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม อันแสดงให้เห็นถึงการยึดหลักความโปร่งใส ซื่อสัตย์ มีธรรมาภิบาล และการดำเนินการทุกประการอย่างรอบคอบ
ท้ายนี้ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ยืนยันเพิ่มเติมว่า สิ่งที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินการในทุกกระบวนการที่ผ่านมานั้น เป็นไปด้วยความรอบคอบ รัดกุม ผ่านกระบวนการตรวจสอบกลั่นกรอง ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต โปร่งใส ตรงไปตรงมา ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และตามหลักธรรมาภิบาลทุกประการ จึงขอให้ความมั่นใจว่า โครงการจัดทำป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ ได้ดำเนินการเพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐ และประชาชนเป็นสำคัญ อีกทั้งยังถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทุกประการ พร้อมกับได้คำนึงถึงความสวยงาม ความปลอดภัย โปร่งใส เหมาะสมต่อการเป็นศูนย์กลางระบบรางที่ดีที่สุดในประเทศและภูมิภาคต่อไป