อนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู กล่าวว่า เราเป็นแบรนด์ที่อยู่รอดปลอดภัยมาตลอดไม่ว่าจะผ่านสถานการณ์ทั้งดีและแย่มาจวบจนมาทุกวันนี้ก็กว่า 130 ปีแล้วที่เราได้เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม โดยที่เรายังสามารถให้บริษัทเติบโตและคงอยู่มาได้อย่างยาวนั้นเนื่องมาจากที่ผ่านมาเราได้ใช้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การออกสินค้าใหม่ 2. เปิดตลาดใหม่ 3.สร้างธุรกิจใหม่ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทเราก็ได้มีการปรับทัพองค์กรภายใหม่ตลอดเวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จัดระเบียบการทำงานใหม่ เปิดตลาดใหม่ๆ และพัฒนา ปรับสินค้าใหม่ๆ ให้เข้ากับยุคสมัย เป็นต้น ซึ่งสินค้าหลักเป็นเรือธงของเราที่ผู้บริโภครู้จักกันมากมาอย่างยาวนานนั่นก็คือ แป้งเย็นตรางู ต่อมาเราก็ได้พัฒนาสินค้าขยายมาเป็นพวก เจลอาบน้ำ สบู่ บอดี้สเปรย์ บอดี้มิสท์ ทิชชูเย็น ยาสีฟัน และ บอดี้โลชั่น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับต้นปี 2566 นี้ ได้ทำการเปิดตัว กลุ่มผลิตภัณฑ์ "สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค” 4 ตัว คือ 1.สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค ซีบีดี คาล์มมิ่ง โลชั่น 3 กลิ่น และสเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค ซีบีดี มอยส์เจอไรซิ่ง แอนด์ โพรเทคชั่น ยูวี ไบรท์เทนนิ่ง บอดี้เซรั่มโดยกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ นับเป็นครั้งแรกของความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู และซาลัส ไบโอซูติคอล ผู้นำธุรกิจสารสกัด CBD ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้ง ยังเป็นครั้งแรกของการเพิ่มทัพขยายไลน์ธุรกิจลุยตลาด CBD ของบริษัท หวังตอบโจทย์คนไทย ช่วยลดเครียด สร้างความผ่อนคลาย โดยตั้งเป้ายอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค ภายในปีนี้ 2566 ไว้ที่ 200 ล้านบาท
ผู้บริหาร กล่าวต่อว่า ปีนี้ทางบริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้กลุ่มผลิตภัณฑ์สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติคอีกมากมาย พร้อมตั้งเป้ากลุ่มเป้าหมายหลักไว้ที่ช่วงวัยทำงาน อายุระหว่าง 25-45 ปี หรือ กลุ่มแซนด์วิชเจเนอเรชั่น ซึ่งในช่วงเดือนเม.ย.ที่จะถึงนี้ก็จะมีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเพิ่มอีก โดยจะเป็นกลุ่มสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ในส่วนตลาดต่างประเทศ จะให้ความสำคัญมากขึ้น โดยปีนี้จะเริ่มบุกตลาด CLMV มากขึ้น อาทิ เขมร ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็นต้น และอนาคตวางแผนจะขยายไปในตลาดประเทศอินเดียด้วย จึงทำให้ตั้งเป้าว่าภายในช่วง 1-3 ปีนี้ ยอดขายรวมจะมีโอกาสแตะที่ 2,000 ล้านบาทในไม่ช้า จากปีที่ผ่านมารายได้รวมอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นไทย 75-80% และต่างประเทศ 15-20% ส่วนปีนี้น่าจะไม่ต่ำกว่า 1,700 ล้านบาท จากยอดขาย สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค ที่จะเพิ่มเข้ามา
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มูลค่าตลาดกัญชงในไทยปี 2565 อยู่ที่ราว 7,200 ล้านบาท โดยอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2568 นักวิเคราะห์จากสหรัฐฯ มองว่า ตลาดกัญชงไทย น่าจะอยู่ที่ราว 4 หมื่นล้านบาท และหากรวมทั้งอาเซียน คาดมูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาทในปี 2568 โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ติด 1 ใน 5 อันดับความนิยม และจัดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมกัญชงในไทย
• แบรนด์เซนลุกซ์ (St.Luke’s) แป้งเด็ก โคโลญจน์ แฮร์โทนิก
• แบรนด์ควินนา (Quina) แป้งน้ำ
• แบรนด์ตรางู (Snake Brand) ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์บอดี้โลชั่น ได้แก่ สเนคแบรนด์ เฮอร์บาซูติค ซีบีดี มอยส์เจอไรซิ่ง แอนด์ โพรเทคชั่น ยูวี ไบรท์เทนนิ่ง บอดี้เซรั่ม