“บาจา” เปิดเกมรุกปี 66 จัดทัพปรับสินค้าในร้านใหม่ พร้อม "คอลแลปส์" แบรนด์ ปั้นสินค้ารุ่นลิมิเต็ด รับเทรนด์กระแสแฟชั่น รุกหนักช่องทางไลน์ ติ๊กต็อก ขยายเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่จริงจัง

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

“บาจา” เปิดเกมรุกปี 66 จัดทัพปรับสินค้าในร้านใหม่ พร้อม


วิลาสินี ภาณุรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2022 ที่ผ่านมาส่งผลให้ตลาดรองเท้ามีการแข่งขันอย่างดุเดือด มีการคาดการณ์การเติบโตจากที่เคยคาดกันที่ 6% เป็น 20% แต่ทางแบรนด์บาจาเติบโตเร็วกว่าตลาดด้วยอานิสงค์ของการกลับมาเปิดเรียนตามปรกติอีกครั้ง และคนทำงานกลับไปที่ทำงานมีการเดินทางออกจากบ้านทำให้ลูกค้ามีความต้องการรองเท้ามากขึ้น เราจึงจบปีที่แล้วโตขึ้นถึง 75%  และมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นถึงกว่า 600,000 คน โดยลูกค้าใหม่ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน และวัยคุณแม่ยังสาว

ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เราจะได้เห็นอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์หลายๆ แบรนด์เลือกประเทศไทยเป็นประเทศยุทธศาสตร์ในการขยายร้านค้าและแฟล็กชิพสโตร์มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวและแนวโน้มการเติบโตของตลาดแฟชั่นในไทย โดยบาจาเองได้เปิดร้านใหม่เพิ่มเติม 12 สาขา รวมเป็น 230 สาขา และยังได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว ทั้งทาง www.bata.co.th รวมทั้งแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ชื่อดังอย่าง Lazada และ Shopee”

ผู้บริหารคนสวย กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2023 นี้บาจามีความมั่นใจว่าตลาดรองเท้าจะกลับมาฟื้นตัวเกือบเท่าช่วงก่อนโควิด ทำให้บาจาตัดสินใจเพิ่มงบการตลาดขึ้นเท่าตัว เพื่อเร่งขยายฐานลูกค้าจากเดิมชึ้นอีกเท่าตัว โดยมุ่งเน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วยการนำสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้เข้ามาเพิ่มเติม และเพิ่มช่องทางการสื่อสารไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่นี้มากขึ้นเพื่อมุ่งไปสู่การเป็นแบรนด์รองเท้าอันดับ 1 ภายใน 3 ปี บาจาดึง “เบลล่า-ราณี” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และเปิดตัว Friend of Bata คู่ใหม่ “ซี-พฤกษ์ พานิช” และ “นุนิว ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์” พร้อมกับการเปิดตัวแคมเปญ “Surprisingly Bata CinderBella”  เพื่อหวังเจาะกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเผยโฉม BATA club เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าเดิม ตลอดจนการทำ CRM เต็มรูปแบบในส่วนของสินค้าและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและการสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มจาก Tiktok และ Line เพิ่มเพื่อดันสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์และโซเชียลที่ขณะนี้อยู่ที่ 9% ให้ปีนี้เพิ่มเป็น 15% อีกทั้งเร่งขยายสาขาเพิ่มอีก 15 สาขา ในปีนี้ ขณะนี้มีแผนเปิดแน่นอนแล้ว 7 สาขา แต่อีก 4 สาขาขึ้นอยู่กับว่าได้ทำเลดีหรือไม่ จากปัจจุบันมีสาขารวม 230 สาขา โดยมีสาขาที่เรียกว่าคอนเซ็ปต์สโตร์ที่เป็นเหมือนสาขาสร้างแบรนด์ไม่ได้เน้นยอดขายมากนัก คือที่เยาวราชปรับปรุงแล้ว สาขาสาทรอยู่ระหว่างปรับปรุง และอีกสาขาคาดว่าจะเป็นที่สยามสแควร์วัน

นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงสาขาเดิมต่อเนื่องอีก 57 สาขาที่เหลือในปีนี้จากเดิมที่ปีที่แล้วปรับปรุงไป 87 สาขาแล้ว ให้เป็นโฉมใหม่ และวางสินค้าให้เป็นกลุ่มชัดเจนคือ รองเท้ายอดขายหลัก รองเท้าขายดี รองเท้าเทรนด์ และสินค้านวัตกรรม และนำระบบไอเอสเอส (ISS / in-store sales) เข้ามาให้บริการด้วย กับสาขาที่มียอดขายไม่มาก โดยเมื่อลูกค้ามาที่ร้านแต่ไม่มีสินค้าสีและแบบและเบอร์ที่ต้องการในสต๊อก ก็จะเช็กระบบว่ามีสาขาใดบ้างที่มีก็ให้สาขานั้นทำการส่งสินค้าให้ลูกค้าที่บ้าน ซึ่งถือว่าช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้มากเพราะส่วนใหญ่ร้านแบรนด์อื่นจะแค่ตรวจสอบว่ามีขายที่สาขาใดแล้วให้ลูกค้าไปซื้อสาขานั้น

อีกทั้ง ปีนี้จะมีการทำตลาดหลายรูปแบบ เช่น การคอลลาบอเรชันกับแบรนด์อื่น เช่น เดือนเมษายนจะทำการคอลแลบกับแบรนด์สไมล์ลี่ และมีแผนที่จะขยายในกลุ่มเกมเมอร์ด้วย และการทำรุ่นลิมิเต็ดแบบดีไอวายกับศิลปินดังๆ เป็นต้น นอกนั้นก็จะมีคอลเลกชันใหม่ที่ชื่อว่า บาจาเทนนิส ที่เป็นรองเท้าที่นิยมของบาจาในอดีตแต่ได้เลิกผลิตและจำหน่ายไปนานแล้ว ซึ่งไทยเราจะนำกลับมาทำตลาดใหม่อีกโดยผลิตในไทย

ปัจจุบันสัดส่วนการขายของบาจาแยกเป็นแบรนด์ คือ บาจา 78%, เพาเวอร์ 11%, นอร์ธสตาร์ 6%, บับเบิลกัมเมอร์ 5% จากยอดขายรวมปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 2,450 ล้านบาท เติบโต 1% ขณะที่ช่วงก่อนโควิดยอดขายรวมประมาณ 2,400 ล้านบาทและปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมเติบโต 20%



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ