สัมภาษณ์พิเศษ : อัมพร สิทธิผา

บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และดำรงตำแหน่งประธานสมาพันธ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดภาคเหนือ เมื่อเร็วๆ นี้ ออกมาตอบโต้กรณีมีการเสนอให้มีการยุบ อบจ.ทั่วประเทศ หลังจากนั้นก็มีนายก อบจ.หลายคนดาหน้าออกมาถล่มจนเละ

เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าในภาคเหนือ เติบโตมาในครอบครัวเล็กๆ ในตลาดวโรรส แต่ไม่เคยจำนนกับชะตาชีวิต ดิ้นรนหาทางเล่าเรียนจนคว้าปริญญาตรี จาก คณะบริหารธุรกิจ ปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาครอง

พร้อมกับผ่านหลักสูตรต่างๆ อีกมาก มาย จนเป็นสุดยอด connections กับผู้คน หลายระดับ ส่งผลให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าแบบ ก้าวกระโดด

ชิมลางในถนนการเมืองท้องถิ่นปี 2542 ด้วยตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) นคร เชียงใหม่ เป็น ส.ท.นครเชียงใหม่ได้เพียง 1 ปี ก็ขยับมานั่งเก้าอี้ผู้บริหารท้องถิ่นครั้งแรกในตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ในปี 2543 หลังจากนั้นก็ได้รับเลือกตั้งจากพี่น้องประชาชนให้เป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ อีกสมัย ในนามของกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรมจน ถึงปี 2550

ปี 2551 เป็นนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดเชียงใหม่ หมดวาระในเดือนมิถุนายน ปี 2555 ก่อนจะได้รับเลือกตั้งอีกสมัยในปีเดียว กันด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้น และในปี 2556 นี้ก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสมาพันธ์ อบจ.ภาคเหนือ เป็นขุนพลภาคเหนือในการขับเคลื่อนงานท้องถิ่น และประสานกับรัฐบาล

นโยบายในการทำงานจะเน้นเรื่องการศึกษาเป็นหลัก โดยได้จัดสรรงบประมาณในการอุดหนุนด้านการศึกษา ปีละ 400-500 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 40 ของงบประมาณประจำปี เพราะมองว่าการศึกษาเป็นเรื่อง สำคัญ ถือเป็นการลงทุน เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ และรอง รับเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558

นายกบุญเลิศ บอกว่า "เรื่องต่อมาคือ เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะเรื่องถนน เพราะพี่น้องชาวเชียงใหม่จำเป็นต้องมีเส้นทางที่ดีในการขนถ่ายสินค้าด้านเกษตร เนื่อง จากพี่น้องชาวเชียงใหม่ในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็น เกษตรกร ต้องขนส่งสินค้าด้านการเกษตร หากถนนไม่ดี หรือไม่ทั่วถึงก็จะส่งผลให้การลำเลียงสินค้าเป็นไปด้วยความยากลำบาก"

นายก อบจ.เชียงใหม่ บอกว่า ด้วยเหตุที่เชียงใหม่เป็นพื้นที่กว้างขวาง จึงได้วางระบบใหม่ ด้วยการตั้งเป็นสำนักงาน อบจ. เชียงใหม่ส่วนแยกขึ้นมา แบ่งเป็นเขตเหนือ และเขตใต้ รับผิดชอบเขตละ 6 อำเภอ เนื่อง จากพื้นที่ด้านเหนือ และด้านใต้ห่างกันหลาย ร้อยกิโลเมตร ทำให้ต้องตั้งสำนักงาน อบจ. เชียงใหม่ส่วนแยกขึ้นมา โดยจะลงไปสั่งการ ด้วยตัวเองเพื่อให้การบริการประชาชนเป็นไปอย่างทั่วถึงและครอบคลุม

นโยบายต่อมาคือการท่องเที่ยว โดยนายกบุญเลิศ บอกว่า การท่องเที่ยวคือลมหายใจของชาวเชียงใหม่ มีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 3 หมื่นล้านบาท ทาง อบจ. จึงสนับสนุนแทบทุกหน่วยงานที่มีการจัดงาน ด้านท่องเที่ยว ขณะเดียวกันด้านวัฒนธรรม ประเพณีทาง อบจ.ก็ไม่ละเลยทั้งงานยี่เป็ง งานสงกรานต์ หรืองานอื่นๆ ทาง อบจ.จะเข้าไปร่วมเป็นแม่งานตลอด

"เชียงใหม่เป็นเมืองวัฒนธรรม มีต้น ทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก เราภูมิใจที่เป็นคนพื้นเมือง การแต่งกาย การพูดจา งาน บุญประจำปีต่างๆ เราจะอนุรักษ์ และส่งเสริมตลอด เพื่อให้คนเชียงใหม่ภูมิใจในรากเหง้าของตัวเอง"

สำหรับเรื่องภาษีล้อเลื่อน "บุญเลิศ" บอกว่า ภาษีล้อเลื่อนที่แต่ละปี อบจ.เชียงใหม่ ได้กว่า 600 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีการหารือกันอยู่ว่าจะมีการแบ่งให้กับเทศบาล และ อบต.อย่างไร เพราะเข้าใจดีว่าเทศบาล และอบต.ก็มีความต้องการภาษีนี้เช่นกัน แต่ จะแบ่งกันอย่างไรจึงต้องพูดคุยกัน สำหรับในเชียงใหม่ไม่มีปัญหา เนื่องจากเป็นประธานชมรมท้องถิ่นของจังหวัดด้วย เรื่องต่างๆ จึงมีการพูดคุยกันตลอด

ส่วนปัญหาขยะ ที่ถือเป็นปัญหาที่หนักสุดของท้องถิ่นนั้น "บุญเลิศ" กล่าวว่า ขยะเป็นปัญหาใหญ่มากในเมืองเชียงใหม่ เทศบาลและอบต.รอบนอกก็มีปัญหา เนื่อง จากมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะสร้าง โรงกำจัดขยะขนาดใหญ่หรือวิธีการอื่นๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะเอ็นจีโอคัดค้าน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าทางออกควรจะทำอะไร ในประเทศอังกฤษก็มีโรงงานกำจัดขยะกลางเมือง ใกล้ กับโรงงานช็อกโกแลต แต่ก็ไม่มีปัญหา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ

ขณะที่นโยบายที่ให้กับข้าราชการในการให้บริการประชาชนด้านต่างๆ นายกบุญเลิศ บอกว่า ได้ย้ำมาตลอดเกี่ยวกับการ บริการ โดยบอกว่าอย่าคิดว่าตัวเองเป็นข้าราชการ แต่ต้องคิดว่าเป็นลูกจ้างของประชาชน ต้องบริการอย่างเต็มที่ เพราะงาน ท้องถิ่นคือการให้บริการ และอะไรที่มีขั้นตอนยุ่งยากก็ให้ลดขั้นตอนลง

ส่วนกรณีที่มีคนในรัฐบาลออกมาเสนอให้ยุบ อบจ.ในฐานะประธานสมาพันธ์ อบจ.ภาคเหนือ "นายกบุญเลิศ" มองว่า คนที่พูดอาจจะยังไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่ของท้องถิ่นดีพอ ทำให้พูดอะไรออกมาแล้วกลาย เป็นไม่สร้างสรรค์ เพราะกระทบกับคนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า อบจ.ไม่ได้มีงานซ้ำซ้อนกับใคร อบจ.ยังมีพื้นที่ครอบคลุมทั้งจังหวัด รับผิดชอบโครงการขนาดใหญ่ หรือในพื้นที่สีเทา ที่อบต.และเทศบาลไม่สามารถทำได้ อบจ.ก็เข้าไปดำเนินการแทน

"ที่จะต้องลดคือบทบาทของภูมิภาค เพราะในต่างประเทศที่เป็นแม่แบบของท้องถิ่นไทย เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา ฝรั่งเศส หรือหลายประเทศในแถบยุโรป รัฐบาลจะมีหน้าที่ ไม่กี่อย่าง เช่น การต่างประเทศ การควบคุม เงินตรา ดูแลเรื่องความมั่นคง การทูต หรือ การต่างประเทศ นอกนั้นเป็นบทบาทของท้องถิ่นทั้งหมด"

นายกบุญเลิศ ย้ำว่า หากท้องถิ่นมีตำรวจเองเหมือนในอเมริกา จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำหน้าที่เป็นอย่างมาก เพราะคน ท้องถิ่นจะรู้ปัญหาของท้องถิ่นเอง แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ในจังหวัดมาได้เพียง 1 ปี ก็ย้ายทำให้งานไม่ ต่อเนื่อง ฉะนั้นจึงเห็นด้วยนะหากจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจากประชาชนโดยตรง โดยในเชียงใหม่กระแสแรงมาก แต่ ไม่ออกไปเต้นมาก เดียวจะถูกครหา แต่เห็นด้วยว่าอยากให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯโดยตรง

"ฉะนั้นกระแสยุบ อบจ.จึงเป็นเรื่องไร้สาระ กลับกันรัฐบาลควรเพิ่มบทบาทให้ท้องถิ่นตามแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจและรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาล ไหนให้ความสำคัญกับท้องถิ่น หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ โดยตรง จะทำให้งบประมาณไหลมาสู่คนในพื้นที่มากขึ้น ปัจจุบันจังหวัด ต้องส่งส่วนกลางร้อยละ 75 กลับมาที่จังหวัด เพียงร้อยละ 25 หากรัฐบาลกล้าแลกก็จะทำให้เงินมาสู่ท้องถิ่นร้อยละ 75 จะทำให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่แบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว"

คือมุมคิดและวิสัยทัศน์ของ "บุญเลิศ บูรณุปกรณ์" นายก อบจ.เชียงใหม่ ผู้มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พร้อมยืนยันสนับสนุนให้มีการเลือก ตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง เพื่อให้เชียง ใหม่จัดการตนเอง ภายใต้แนวคิดที่ว่า "คนท้องถิ่น ย่อมเข้าใจปัญหาและความต้องการ ของคนท้องถิ่นด้วยกันเอง"