ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงาน “สร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยวิทยาศาสตร์และ CODING” พร้อมด้วยดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้บริหารหน่วยงานในกำกับ กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการ ศักยภาพ และขีดความสามารถในการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ให้กับประชาชนทั่วไปได้ทราบ รวมไปถึงผลการดำเนินงานในการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาภายใต้การกำกับดูแลของคุณหญิงกัลยาตลอดระยะเวลา 4 ปี โดยมีนางสาวพุทธชาด ศรีนิศากร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการตลาด บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ ณ ลานกิจกรรม ชั้น G Avenue Zone A (ใต้ลาน Skywalk) MBK Center
ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ ได้ติดตามการทำงานของ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการมาโดยตลอดตั้งแต่ปีแรกที่คุณหญิงกัลยารับตำแหน่งจนถึงวันนี้ ได้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นของคุณหญิงในการทำงานขับเคลื่อนนโยบายสำคัญด้านการศึกษาต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วง จนมีผลงานปรากฏเด่นชัดอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะนโยบาย CODING ที่คุณหญิงกัลยาเป็นผู้นำให้เป็นนโยบายของรัฐบาล และแถลงต่อรัฐสภา ผลักดันให้ CODING เป็นวาระแห่งชาติ จนประสบความสำเร็จ ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กไทยและคนไทยทุกคนให้สามารถเผชิญหน้าและอยู่กับโลกยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนโยบาย CODING คุณหญิงกัลยายังขับเคลื่อนนโยบายและโครงการอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปการศึกษาอีกมากมาย อาทิ การพลิกโฉมอาชีวะเกษตร ด้วยโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งขับเคลื่อนผ่านวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี (วษท.) จนเกิดหลักสูตร “ชลกร” นโยบายการศึกษาพิเศษ โครงการวิทยาศาสตร์พลังสิบ โครงการ “คนละเครื่อง พี่แบ่งให้…น้องได้เรียน” เพื่อแบ่งปัน Smart Device สร้างการศึกษาไทยให้เท่าเทียม นโยบายการอ่าน เขียน เรียนประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย รวมไปถึงการปรับหลักสูตรการเรียนรู้ รูปแบบการเรียนการสอน และวัดผล และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อให้การศึกษาเป็นไปตามรูปแบบที่เหมาะต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้เยาวชนไทยได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมและมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นต้น
ทั้งนี้ ดร.วิษณุ กล่าวว่า 4 ปีในการทำหน้าที่ของดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ที่เข้ามาทำงานด้านการศึกษานั้น ผมไม่รู้ว่าคุณหญิงจะคุ้มหรือไม่ แต่ผมรู้ว่าประเทศคุ้มที่ได้คุณหญิงกัลยามาช่วยขับเคลื่อนงานการศึกษา ผมอยากเอาสิ่งที่คุณหญิงทำทั้งหมดเหล่านี้ไปให้รัฐมนตรีคนอื่นเขาได้เห็น อยากเอาสิ่งเหล่านี้ไปให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้ดู อยากเอาสิ่งเหล่านี้ไปให้ครูบาอาจารย์ทั่วประเทศได้รับรู้ ว่ามีตัวอย่างให้เห็นว่ามีเด็กที่เรียกว่าห่างไกลความเจริญ เช่น อมก๋อย เขาได้ทดลองทำให้เห็นและประสบผลสำเร็จแล้ว ซึ่งถ้าใครมีสติปัญญาช่วยเอาไปสานต่อ เอาไปขับเคลื่อนต่อน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต้องขอขอบคุณคุณหญิงกัลยาที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ และเป็นกำลังใจให้คุณหญิงกัลยาและผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาไทยให้ไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ประสบผลสำเร็จตามเจตจำนงที่วางไว้ทุกประการ
ด้าน ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่ตนเองมาดำรงตำแหน่งได้ตระหนักดีถึงความรับผิดชอบและความท้าทายในการทำหน้าที่ และทราบดีว่านี่คือภารกิจอันยิ่งใหญ่ของคนไทยรุ่นเราที่ต้องสร้างเด็กไทยและคนไทยให้มีความพร้อม มีภูมิคุ้มกัน ในการดำรงชีวิตภายใต้ยุคดิจิทัล ที่มีทั้งความผันผวน ไม่แน่นอน ซับซ้อน คลุมเครือ ซึ่งเรียกรวมกันสั้น ๆ ว่า VUCA WORLD โดยได้ขับเคลื่อนนโยบาย และโครงการสำคัญเพื่อมุ่งสู่การปฏิรูปการศึกษาในศตวรรษที่ 21 และสอดคล้องกับเป้าหมายของการศึกษาโลก ที่จำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กไทยพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อาทิ การขับเคลื่อนนโยบาย CODING ซึ่งไม่เพียงแต่จะมุ่งเน้นการเรียนการสอน CODING ไปที่ครูและนักเรียนเท่านั้น แต่จะกระจายการเรียนรู้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ และทุกช่วงวัย ภายใต้แนวคิด “CODING FOR ALL” การนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาใช้ในกระบวนการการเรียนการสอน ซึ่งได้ขยายโอกาสให้เด็กนักเรียนทุกคนต้องได้เรียนวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างทั่วถึง
รวมไปถึงโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีต เป็นการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ CODING มาประยุกต์กับด้านการเกษตรให้เกิดผลผลิตในเชิงพาณิชย์ภายใต้พื้นที่ที่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วเพียง 6 เดือนเท่านั้น หลังจากเริ่มต้นโครงการในปี 2562 และการยกระดับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี เพื่อสร้างผู้ประกอบการภาคการเกษตรให้สอดคล้องกับสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 โดยผ่านโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ซึ่งเชื่อมั่นว่าเมื่อเยาวชนไทย หรือคนไทยมีองค์ความรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำที่เป็นมาตรฐานในระดับสากลแล้วก็จะสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติอย่างแน่นอน
“งานการศึกษาเปรียบเสมือนการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ต้องใช้เวลา เสียสละ และมีความตั้งใจ ดิฉันจึงอยากขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้สนับสนุนการทำงานของดิฉันตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ผ่านมาทั้งท่านผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการ คณะที่ปรึกษาฯ คณะทำงาน ข้าราชการ รวมถึงสื่อมวลชนที่ได้ร่วมถ่ายทอดนโยบายไปยังสาธารณชน ทำให้ได้รับเสียงสะท้อนเพื่อนำมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแก้ไขระหว่างทางเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อทั้งตัวผู้เรียน ครูผู้สอน และผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน”ดร.คุณหญิงกัลยา กล่าว