“เอ็กซ์โปลิงค์ฯ” ทุ่ม 10 กว่าล้าน ผนึก พันธมิตร จัด “Kind + Jugend ASEAN 2023” ดันอุตสาหกรรมส่งออกสินค้าแม่และเด็กในไทยปีนี้คาดโต 1 หมื่นล้าน สู่ฮับอาเซียน ในงานตั้งเป้าสร้างเม็ดเงินสะพัด 1 พันล้านบาท

วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2566

“เอ็กซ์โปลิงค์ฯ” ทุ่ม 10 กว่าล้าน ผนึก พันธมิตร จัด “Kind + Jugend ASEAN 2023” ดันอุตสาหกรรมส่งออกสินค้าแม่และเด็กในไทยปีนี้คาดโต 1 หมื่นล้าน สู่ฮับอาเซียน ในงานตั้งเป้าสร้างเม็ดเงินสะพัด 1 พันล้านบาท


นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ตัวแทน โคโลญเมสเซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในไทยมีอัตราการส่งออกอยู่ที่มูลค่าการตลาดกว่า 40,000 ล้านบาท ต่อปี ประกอบกับในไทยมีจำนวนโรงเรียนนานาชาติที่มีงบลงทุนเกี่ยวกับสินค้าเด็กและเยาวชนอีกกว่า 200 แห่ง ส่งผลให้อุตสาหกรรมดังกล่าวแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออก อีกทั้งการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเด็กยังมีโอกาสเติบโตสูง ทั้งในอาเซียนและตะวันออกกลาง ดังนั้น เราจึงอยากสร้างศักยภาพให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กภูมิภาคอาเซียนให้เติบโตไปอีกขั้น

ล่าสุด เราจึงได้ใช้งบราว 10-15 ล้านบาท จัดงาน “Kind + Jugend ASEAN 2023” (คิน-อัน-ยู-เก้น-อา-เซียน) ที่นำมาจัดครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% และพร้อมสำหรับการจัดงานอย่างเต็มรูปแบบ ในวันที่ 5-8 เมษายน 2566 นี้ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ประกอบการภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 200 แบรนด์จากกว่า 15 ประเทศทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และจีน ประกอบไปด้วยสินค้าประเภท ผลิตภัณฑ์ของเล่นเสริมพัฒนาการและเพื่อการศึกษา, เสื้อผ้า, ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขลักษณะแม่และเด็ก, ผลิตภัณฑ์เก้าอี้เด็ก รถเข็น และเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องแต่งกายแม่และเด็กผลิตภัณฑ์อุปกรณ์, ผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็ก, อัจฉริยะสำหรับเลี้ยงเด็ก รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย สื่อ สมาคมต่าง ๆ

“งานแสดงสินค้านานาชาติที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์และของใช้จำเป็นสำหรับเด็กแห่งภูมิภาคอาเซียน ครั้งนี้ ยังคาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าร่วมงานได้กว่า 3,000 คน จากประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียน และโดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน +3 +6 อย่างประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ โดยจะมีทั้งกลุ่มผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่าย ผู้ค่าส่ง ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ผู้ค้าออนไลน์ โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน โรงพยาบาล โรงแรม ศูนย์เลี้ยงเด็ก ฯลฯ ซึ่งผู้ประกอบการจะได้พบกับสินค้าที่หลากหลาย อัพเดทเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากกิจกรรมโปรแกรมสัมมนาที่มีเนื้อหาเชิงลึกและเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมแม่และเด็ก ไปจนถึงการรวมตัวพบปะกับผู้ผลิตชั้นนำตัวจริง เพื่อต่อยอดและสร้างเครือข่ายด้วยการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ เป็นโอกาสที่ดีในการบุกและขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอันรวดเร็ว”

ทั้งนี้ ภายในงาน Kind + Jugend  ASEAN 2023 ยังมีกิจกรรมที่เต็มไปด้วยคุณภาพและความน่าสนใจมากมาย อาทิ ได้รับเกียรติจาก “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครฯ มาร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “การพัฒนาเด็กกับอนาคต กทม.” , Child Care Center Prototype จำลองศูนย์เลี้ยงเด็กต้นแบบ, Business Matching การเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ เพื่อยกระดับให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในภูมิภาคให้เติบโตไปอีกขั้น, กิจกรรมซื้อขายสินค้าแม่และเด็กจากผู้ผลิต (เฉพาะวันที่ 8 เมษายน 2566 เท่านั้น) พบกับสินค้าหายากพร้อมสินค้าชั้นนำที่นำมาประมูลพิเศษ โดยรายได้จะส่งมอบให้กับศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในสังกัด กทม., กิจกรรมสำหรับเด็ก ๆ ที่มาร่วมสนุกในงาน รวมถึงเวทีสัมมนารูปแบบ Trend Forum จากหัวข้อต่าง ๆ กว่า 10 หัวข้อ ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในอุตสาหกรรม อาทิ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์สำหรับผลิตภัณฑ์เด็ก, การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจของเล่นด้วยโมเดล BCG, โอกาสทางธุรกิจของผลิตภัณฑ์แม่และเด็กหลังโควิด และอีกหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจตลอด 4 วัน

นอกจากนี้ ภายในงานจะมีการจัดการประกวดนวัตกรรมสินค้าสำหรับเด็ก Innovation Award โดยคัดเลือกผลงานจาก 7 หมวดหมู่ที่ส่งเข้าประกวด ได้แก่ นวัตกรรมเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่เคลื่อนไหวได้ สำหรับเด็ก รถเข็นเด็กและระบบการเดินทาง, นวัตกรรมเกี่ยวกับการเดินทางของเด็ก ที่นั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับทารกและเด็ก, นวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็ก เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เสริมสำหรับทารกและเด็ก, นวัตกรรมสิ่งทอสำหรับเด็ก สิ่งทอในครัวเรือน แฟชั่นสำหรับทารกและเด็ก, นวัตกรรมในการดูแลเด็ก สินค้าเด็กอ่อน เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับทารกและเด็ก, นวัตกรรม ของเล่นเด็กสำหรับทารกและเด็ก และนวัตกรรมโภชนาการ และสูตรอาหารสำหรับทารก ขนม อาหารเสริมสำหรับเด็ก โดยในแต่ละประเภทจะมีผู้ชนะเพียง 1 เดียวเท่านั้น พิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในวันที่ 6 เมษายน 2566 บนเวที Trend Forum โดยมีหลักเกณฑ์ในการตัดสินจาก ความคิดสร้างสรรค์, ความปลอดภัย, คุณประโยชน์ต่อลูกค้า, การออกแบบผลิตภัณฑ์, คุณภาพของการผลิต, ความยั่งยืน เพื่อเป็นรางวัลด้านนวัตกรรมที่แสดงถึงก้าวสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์แม่และเด็กแห่งอนาคต

“Kind + Jugend ASEAN 2023 ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากพันธมิตรที่มีคุณภาพ อาทิ กรุงเทพมหานครฯ หอการค้าไทย สมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย สมาคม Asia Toy & Play Association จากประเทศสิงคโปร์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สถาบันอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันสานเป้าหมายให้งานเป็นเวทีสำหรับการรวมตัวผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมแม่และเด็กทั่วโลก ที่ต้องการทำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมสร้างศูนย์กลางการค้า-การเจรจาธุรกิจ และสร้างศักยภาพให้ตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในภูมิภาคอาเซียนเติบโตไปอีกขั้น โดยปีนี้เราวางเป้าหมายมูลค่าการซื้อขายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท”

ด้าน นางอุไรวรรณ บุนนาค นายกสมาคมการค้าของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดของเล่นส่งออกไทยปีนี้ คาดว่าจะส่งออกได้ไม่น้อยกว่า 10% หรือมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท จากปี 65 ที่มีการส่งออกอยู่ที่ 9,800 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี 2564 อยู่ 15% โดยตลาดหลักมาจากในสหรัฐอเมริกา ที่หันมาสั่งซื้อของเล่นจากไทยมากขึ้น หลังจากเกิดโควิดในจีน จนมีการปิดประเทศและเกิดปัญหาด้านคุณภาพการผลิต ดังนั้น การจัดงาน “Kind + Jugend ASEAN 2023” ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสเพื่อให้ของเล่นและผลิตภัณฑ์เด็กไทยสามารถสู้กับตลาดโลกได้ ตัวผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะด้านสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่ต้องคำนึงถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ใส่ใจในความยั่งยืน อาทิ ของเล่นไม้จากยางพารา ของเล่นจากพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยตอบโจทย์กับพ่อแม่ที่ยอมเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพและปลอดภัยสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 15% ซึ่งสัดส่วนการใช้จ่ายจะอยู่ประมาณ 30% ของค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นส่วนการซื้อของเล่นอยู่ประมาณ 10% (สูงขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีตไม่เกิน 5%) ทั้งนี้ ยังช่วยสร้างการเติบโตในต่างประเทศในด้านการส่งออกอีกด้วย

ปิดท้าย ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวว่า อพวช. เชื่อว่าการเล่นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเด็กปฐมวัย ช่วยให้ได้รู้จักใช้การสังเกต ใช้ความคิด ความสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ ขณะเดียวกันเด็กก็จะได้รับความสนุกสนานและมีความสุขด้วย ซึ่ง อพวช. ได้ร่วมกับหลากหลายหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เห็นความสำคัญของการส่งเสริมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก ในการนำนิทรรศการเคลื่อนที่ (Traveling exhibition) จาก อพวช. มาใช้ผลักดันให้สังคมเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งในงาน Kind + Jugend ASEAN 2023 นี้ ได้มีการนำนิทรรศการเคลื่อนที่เด็กปฐมวัยชุด “สนุกวิทย์ สนุกคิดส์” Fun Science Kits ชิ้นงานวิทยาศาสตร์รูปแบบ Hands-on ที่เน้นให้เด็กเรียนรู้และสนุกไปกับตัวชิ้นงานด้วยตัวเอง พร้อมสอดแทรกความรู้วิทยาศาสตร์พื้นฐาน อาทิ เรื่องน้ำและอากาศ แสงสี การมองเห็นและเสียง ไฟฟ้า แม่เหล็ก ร่างกาย และเรื่องการท่องโลกนับจำนวน ที่เด็ก ๆ จะได้รับความสนุกที่มาพร้อมการสร้างพัฒนาการที่เหมาะสมกับช่วงวัย



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ