ธุรกิจนักขายหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต บทสรุปของการสร้างเครือข่ายในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่น่าสนใจก็คือวิธีการสร้างธุรกิจและวิธีการ สร้างรายได้ในอดีตที่ผ่านมา มีความแตกต่างกับวิธีการในยุคปัจจุบัน แต่ถ้าจะคิดถึงในอนาคต เราต้องทำอย่างไรให้มีความกลมกลืนและมีความเป็นไปได้ เพื่อที่จะให้เราสามารถคาดการณ์ล่วงหน้า ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับธุรกิจนี้ เนื่องจากกระแสของเทคโนโลยีในโลกปัจจุบันซึ่งมีแนวโน้มว่าจะลดบทบาทของคนกลางในทุกๆ ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจมีดังนี้
1. วิวัฒนาการของธุรกิจ ตั้งแต่ยุคแรกเกิดจากปากต่อปากเฉพาะในแต่ละพื้นที่ จนถึงยุคของการโฆษณาใน สื่อสิ่งพิมพ์ และติดป้ายประกาศขายที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมาจนถึงยุคของการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการขาย รวมถึงยุคของอินเตอร์เน็ตและในยุคของ Social Media ต่างๆ ซึ่งได้เปลี่ยนวิถีการดำเนินธุรกิจตลอดในช่วง 2-3 ศตวรรษที่ผ่านมา และในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกในไม่ช้า
2. วิวัฒนาการในศตวรรษต่อไปหรืออาจจะกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ คือการพัฒนาขีดความสามารถของการให้บริการโดยอาศัยเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อาจนำไปสู่วิถีใหม่ใน การให้ข้อมูลในอนาคต ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าในการทำงาน
3. ความแตกต่างของการทำธุรกิจในอนาคตจาก “การทำงานในรูปแบบอิสระ” ไปสู่ “การทำงานในรูปแบบองค์กร" และสุดท้ายก็จะนำไปสู่ “การทำงานในรูปแบบองค์กรเป็นเครือข่ายที่สมบูรณ์แบบ" ด้วยการผสมผสานระหว่างคนกับเทคโนโลยี
4. ในช่วงที่ผ่านมา การควบคุมการขาย ทุกขั้นตอนอยู่ในมือของ “ผู้ขาย” เพราะคนกลางมีหน้าที่เพียงพาผู้สนใจซื้อไปพบและต่อรองราคากันเอง แต่ในอนาคต การควบคุมในเบื้องต้นจะตกอยู่ ในมือของนักขาย/นายหน้าที่เหมาะสม เพราะเขาสามารถให้คำปรึกษาตั้งแต่เริ่มขั้นตอนการขาย ซึ่งหมายถึงการให้คำแนะนำในการตั้งราคาขายโดยอาศัยข้อมูลจริงที่มีอยู่ในด้านการตลาด และในด้านของพื้นที่ที่ทรัพย์ตั้งอยู่อย่างเพียงพอและเหมาะสม ในขณะที่ผู้ซื้อก็สามารถทำการ ต่อรองผ่านคนกลางได้เช่นเดียวกัน แต่ประเด็นสำคัญก็คือคนกลางต้องมีสร้างความน่าเชื่อถือ และมีเครดิตพอ เพื่อที่จะสร้างความไว้วางใจในการทำงาน
5. ในอดีต ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ มีปริมาณจำกัดและยากที่จะเข้าใจเพื่อนำเสนออย่างถูกต้อง แต่ในยุคปัจจุบันข้อมูลความรู้ต่างๆที่มีอยู่อย่างมากมายทำให้เราในฐานะคนกลาง สามารถนำมาใช้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ขึ้นอยู่กับวิธีการในการนำมาใช้ให้ถูกต้องพอเหมาะพอควรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย
6. วิวัฒนาการด้าน AI จะมีส่วนสำคัญในการทำธุรกิจ แต่ก็จะมีประโยชน์เฉพาะในด้านของข้อมูลเท่านั้น ไม่สามารถที่จะทดแทนงานบริการบางประเภทที่มนุษย์สามารถทำได้ดีกว่าเครื่องจักร ซึ่งหมายถึง ความเป็นมิตรและความเข้าใจ ในระหว่างมนุษย์ด้วยกัน
7. ในขณะที่ AI เข้าทำหน้าที่ในด้านการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง หากท่านทำงานอิสระท่าน ควรลงทุนในด้านนี้หรือไม่ หรือควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรที่สมบูรณ์แบบเพื่อแบ่งเบา ภาระหน้าที่กันต่อไป เพื่อรักษาฐานลูกค้าและสร้างรายได้ให้แก่ทุกๆท่าน ซึ่งแน่นอนว่า การเข้าร่วมเครือข่ายย่อมดีกว่าการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
8. สุดท้ายแล้วนักขายหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มอย่างชัดเจนคือ กลุ่มที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและไม่ต้องเสียเวลาในการสร้างระบบสนับสนุนการ ทำงานด้วยตัวเอง และกลุ่มที่ยังต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยการลองผิดลองถูกอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มหลังนี้จะเสียทั้งโอกาสสู่ความสำเร็จและโอกาสในการสร้างรายได้
9. ในอดีตคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ต้องเป็นบุคคลที่มีอายุและดูน่าเชื่อถือ แต่ในปัจจุบันนี้ ทุกท่าน ทุกวัยสามารถประสบความสำเร็จได้ เพียงแต่ต้องเริ่มต้นอย่างถูกต้องโดยการเลือก องค์กรต้นสังกัดและเลือกสิ่งที่สมควรต้องเรียนรู้ ณ จุดเริ่มต้นให้เหมาะสมกับตนเอง ซึ่งต้องเป็นแหล่งที่น่าเชื่อถือและมีประวัติการดำเนินงานอย่างถูกต้อง
10. หากเราพิจารณาถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดในอนาคตนักขายหรือนายหน้าทุกคนจะต้องพัฒนาตนเอง ให้มีความสามารถขั้นพื้นฐาน และจะต้องเลือกองค์กรต้นสังกัดที่มีการ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้เหมาะสมกับตนเองที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการสร้างอาชีพและโอกาสที่จำเป็นต่อไป เพื่อจะได้ มีขีดความสามารถในการสร้างรายได้และไม่เป็นภาระแก่สังคมของโลกแห่งอนาคตต่อไป
11. การให้ความสำคัญกับความเข้าใจในตัวบุคคล และ/หรือ ความประสงค์ของบุคคลนั้นๆ มากกว่าความสำคัญในเรื่องวิชาการ แน่นอนที่สุดเราอยู่ใน People Business สิ่งที่เราต้อง เรียนรู้อยู่เสมอก็คือทำอย่างไรให้เราสามารถเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องลึกซึ้งมากกว่าการแสดงภูมิความรู้รวมถึงวุฒิต่างที่ได้รับ ซึ่งในบางโอกาสจะทำให้เราเปรียบเสมือน AI มากกว่าความเป็นมนุษย์
12. นักขายหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ปรับตัวในปีนี้ เขาเองจะต้องไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งของ ธุรกิจและมีโอกาสสูงที่จะถูกกำจัดออกจากระบบธุรกิจในอนาคตจอันใกล้ แต่หากสามารถปรับตัวได้เขาเหล่านั้นก็จะเป็นกำลังสำคัญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป
ย้ำชัด “Trusted by GenERAtions”
กรอบแนวคิดใหม่ของ ERA ในวันนี้ก็คือการรวม 4 สิ่งที่สำคัญเข้าด้วยกัน
จากจุดเริ่มต้นของ ERA คือการขยายเครือข่าย ซึ่งก็ดำเนินการด้วยดีมาตลอด 30 ปี แต่ในวันนี้เราให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นในเรื่องของอาชีพและรายได้ทั้งในส่วนของบุคคลและชุมชนในทุกๆพื้นที่ทั่วประเทศ วิธีคิดใหม่ของเราก็คือการผนวก 4 สิ่งที่มีความสำคัญเข้าด้วยกันซึ่งได้แก่
1) คน - แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มคนที่ต้องการอาชีพและรายได้ อีกกลุ่มคือผู้ซื้อและผู้ต้องการขายอสังหาฯ
2) ชุมชน - สร้างความอยู่ดีมีสุขในพื้นที่ต่างๆ เช่นโรงเรียนรวมถึงกิจกรรมต่างๆในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ
3) อสังหาริมทรัพย์ - หมายถึงอสังหาริมทรัพย์ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่รวมถึงในต่างประเทศด้วย
4) เทคโนโลยี - Platform ในการทำงานรวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ
เนื่องจากธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นลักษณะของ “Hyper Local” คือมีความแตกต่างในแต่ละ พื้นที่รวมถึงวิธีคิดและวิธีการสื่อสารของผู้คนในแต่ละท้องถิ่น ผนวกกับปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ซึ่งผู้ที่อยู่ในธุรกิจนี้ต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ERA จึงกำหนดนโยบายใหม่ในการขยายงานคือ การสร้าง
1) District Agent คือกลุ่มตัวแทนประจำตำบล นอกเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงพื้นที่ที่ยังไม่มีสำนักงาน ERA เปิดดำเนินการ และ
2) Community Agent คือตัวแทนประจำโครงการต่างๆ ซึ่งอยู่อาศัยในโครงการนั้นๆ เฉพาะในพื้นที่ กรุงเทพและปริมณฑล ตัวแทนทั้ง 2 รูปแบบนี้จะสร้างความแตกต่างในการให้บริการ และจะช่วยสร้างรายได้ให้แก่บุคคลที่มีความต้องการสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต โดยตัวแทนทั้ง 2 รูปแบบนี้จะได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำงานอย่างเต็มรูปแบบและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในระบบของ ERA เช่นในด้านการเรียนรู้ ก็จะได้รับสิทธิการเข้าเรียนตามมาตรฐานที่ ERA กำหนด (#1) เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ในรูปแบบของ ERA
ERA แนะนำแฟรนไซส์ใหม่ ชูธง ขยายให้ครบทุกภูมิภาคทั่วไทย
และในวันนี้เอง ทางอีอาร์เอประเทศไทย ก็พร้อมแล้วในการขยายปีกไปในส่วนของระดับจังหวัด และระดับภูมิภาคในรูปแบบบริษัทฯ หรือ องค์กร โดยในใตรมาส 1 ประจำปีนี้ อีอาร์เอ มีโอกาสได้รับผู้ร่วมธุรกิจในลักษณะของผู้ได้รับสิทธิ์ หรือ แฟรนไซส์ แห่งอีอาร์เอ ถึง 8 สาขา ด้วยกัน ได้แก่ 1. สาขาอยุธยา (บ.ภาคกลาง เรียลเอสเตท จำกัด) 2. สาขากาญจนบุรี (บ.ERA เวสเทิร์นแลนด์ จำกัด) 3. สาขานครปฐม ( บ.ERA ทรัพย์รุ่งเรือง เรียลเอสเตท จำกัด) 4. สาขาชิดลม (บ. ERA เอสเอ็มพี เอ็นเตอร์ไพรส์ หนึ่งศูนย์หนึ่ง จำกัด) 5. สาขาพานทอง (บ.ริชชี่ พานทอง เรียลเอสเตทจำกัด ) 6. สาขาสาทร (บ.เอชคิว พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 7. สาขาภูเก็ต และ 8. สาขาสมุทรปราการ และคาดว่า ก่อนสงกรานต์นี้ เราจะได้แฟรนไชส์เพิ่มอีกเป็น 10 สาขา พร้อมเปิดให้บริการให้ทั้งผู้ที่ต้องการฝากซื้อ ฝากขาย ฝากเช่า และปรึกษาเรื่องการลงทุน ครบทุกภูมิภาคทั่วไทย
อีอาร์เอแฟรนไซส์ใหม่ 8 สาขา ประกาศชัด ชูจุดเด่นและโชว์วิสัยทัศน์ต่อธุรกิจ ตัวแทนขายอสังทรัพย์ ภายใต้ปีก อีอาร์เอ ประเทศไทย
1. คุณกุลญาภา ร่มโพธิ์ ผู้บริหาร สาขาอยุธยา (บ.ภาคกลาง เรียลเอสเตท จำกัด) เรามีพื้นที่การ
ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ในเขตภาคกลาง ตั้งแต่พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ พิจิตร กำแพงเพชร ซึ่งจังหวัดอยุธยาเป็นฮับของการเดินทางและศูนย์กลางการกระจ่ายสินค้าทั่วประเทศ มีจุดแข็งของการเชื่อมต่อทางรถยนต์ รถไฟ และในอนาคตจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางรถไฟฟ้าความเร็วสูง
2. คุณทศพร สาครธนากร ผู้บริหาร สาขานครปฐม ( บ.ทรัพย์รุ่งเรือง เรียลเอสเตท จำกัด)
นครปฐมเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีความเจริญเติบโตทั้งการเกษตร อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว และมหาวิทยาลัย ทำให้มีแนวโน้มการขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสูง โดยจะเห็นได้จากการที่มี Developer มาลงทุนทั้งรายเล็ก รายกลางและล่าสุดกลุ่มเซ็นทรัลได้มาลงทุนสร้างห้างสรรพสินค้าโรงแรมและคอนโดมิเนียม ทำให้วงการอสังหาฯ ในจังหวัดมีความคึกคักมากขึ้น ผมจึงมีความมั่นใจในธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ กับทาง ERA เป็นอย่างมากเพราะมีการสนับสนุนทางด้านความรู้และเทคโนโลยีให้กับตัวแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน Digital marketing ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จในการทำธุรกิจ รวมถึงระบบ sharing ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างทั่วถึง
3. คุณญาณิศา สิทธิยศ ผู้บริหาร สาขาพานทอง (บ.ริชชี่ พานทอง เรียลเอสเตท จำกัด) เดิมทีทางอีอาร์เอ
มีแฟรนไชส์ในจังหวัดชลบุรีหลายสาขาแล้วแต่ด้วยที่เราเล็งเห็นว่าชลบุรีเป็นจังหวัดที่มีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และสถานบันเทิง ปัจจุบันมีต่างชาติ มาลงทุนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมมากขึ้น ทั้งยังคงเป็นที่ตั้งของท่าเรือที่มีความสำคัญของประเทศรองจากท่าเรือกรุงเทพ นั่นก็คือท่าเรือแหลมฉบัง ประชากรมีความหนาแน่นของเป็นอย่างมาก ที่สำคัญมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เราเลยขอโอกาสเปิดสาขาที่พานทอง เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนธุรกิจตัวแทนขายอสังหาฯ ไปด้วยกัน
4. คุณวลีทิพย์ วงศ์ธนะชัย ผู้บริหาร สาขาสาทร (บ.เอชคิว พรอพเพอร์ตี้ จำกัด) กรุงเทพมหานคร
มีทรัพย์เพื่อ ขาย เช่า ลงทุน อีกมากมาย ทั้งโครงการใหม่ และ Re-Sale โดยเฉพาะในทำเล CBD หวังว่าการเปิดสาขาสาทรของเราจะสามารถเข้าไปสอดรับ เรื่อง Community Agent ของทางสำนักงานใหญ่ ที่สนับสนุนและค้นหาตัวแทนประจำโครงการต่างๆ ซึ่งอยู่อาศัยในโครงการนั้นๆ เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพชั้นใน ประเภทคอนโดฯ หรือหมู่บ้านใหญ่ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่บุคคลที่มีความต้องการสร้างรายได้เพิ่มในอนาคต และสนองความต้องการที่จะฝาก ซื้อ ขาย เช่า ลงทุน ของลูกค้าทั่วไป
5. คุณชานนท์ ชำนาญเดชากุล/ คุณมนชยา เที่ยงวัฒนธรรม ผู้บริหาร สาขาชิดลม
(บ.เอสเอ็มพี เอ็นเตอร์ไพรส์ หนึ่งศูนย์หนึ่ง จำกัด) เรามีจุดแข็งหลักๆ อยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เรามองว่าจะเป็นฐานลูกค้าหลักและมีกำลังซื้อ โซนที่จะโฟกัสคือโซน CBD ชิดลม อโศก เน้นกลุ่มยุโรป อเมริกา, ส่วน New CBD พระราม 9 รัชดา เน้นกลุ่มจีน ที่กำลังเติบโตอย่างมากและด้วยความที่ทำเล ของชิดลมอยู่กลางเมืองมาก ในย่านธุรกิจนอกจากทรัพย์ที่เป็น Residential ขายขาดแล้ว Segment ของเราจะขยายไปถึง Residential ปล่อยเช่า และ Commercial ด้วย เช่นอาคารสำนักงาน ทรัพย์เพื่อการลงทุนการได้ร่วมงานกับบริษัทแม่อย่าง ERA ที่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจของลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
6. คุณกันตา วิทูรผดุงกิจ ผู้บริหาร สาขากาญจนบุรี (บ. เวสเทิรน์ แลนด์ จำกัด) เราต้องการเป็นตัวกลาง
และให้บริการด้านงานอสังหาริมทรัพย์แนวใหม่ ที่ทันสมัยและใส่ใจงานทุกรายละเอียด กับชาวกาญจนบุรี และ จังหวัดใกล้เคียง ด้วยประสบการณ์การบริหารธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และธุรกิจบริการในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ในอนาคตอันใกล้นี้ ถนนมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี จะเปิดตัวในปี 2567 จึงมองเห็นโอกาสการเติบโตของจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งในด้านอสังหาฯ การท่องเที่ยว การขนส่งทางบก การค้าขายชายแดน และเมื่อการขนส่งสะดวก รวดเร็ว นักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากยขึ้น โอกาสการขยายตัวด้านอสังหารฯ ก็จะเพิ่มมากขึ้นตาม ทำให้มีความมั่นใจที่จะเข้าร่วมเป็นบริษัทสาขาอีอาร์เอ นอกจากจะทำให้มีการต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่แล้วยังจะช่วยขับเคลื่อน พร้อมส่งเสริมงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ทุกคนในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียงได้อีกทางหนึ่งด้วย
7. คุณกสินนท์ นนท์ธีระรังสี ผู้บริหาร สาขาภูเก็ต อสังหาฯ ภูเก็ต เติบโต มาก Yiled 10 -12 % สำหรับการ
ลงทุนปล่อยเช่าระยะยาว สูงขนาดนี้ ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในตลาด ไทย , Expat และ High end ราคาเช่าสูง พุ่งสูงขึ้น 20-40 % คนเช่าก็อยากซื้อบ้าน เพราะผ่อนบ้านถูกกว่าเช่าและ การที่ราคาเช่าสูงขึ้น ยังทำให้ ราคาขายสูงไปด้วย(capital gain) จึงทำให้ อสังหาฯ ภูเก็ต น่าสนใจมากๆ และ มีหลากหลายเกมส์ให้เล่น จึงทำให้ผมตัดสินใจเปิดแฟรนส์ไชส์ ที่ภูเก็ต เพื่อสร้างคุณค่าให้เพื่อนๆ นายหน้า ทั้งในไทย และ ต่างประเทศ ได้เปิดโอกาส กลุ่มนักลงทุนและผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะ ชาวต่างชาติ ที่ ต้องการมี Holiday Home ตากอากาศบนเกาะสวรรค์ที่มีเสน่ห์ ได้ไม่ยาก
8. คุณฐษา สืบเพ็ง ผู้บริหารสาขาสมุทรปราการ สมุทรปราการเป็นจังหวัดมีผู้คนเดินทางเข้า-ออกตลอดทั้งปี
มีการคมนาคมที่สะดวก สามารถเดินทางเข้าออกได้โดยทั้งทางรถยนต์และรถประจำทาง อีกทั้งยังมีท่าอากาศยานที่สำคัญของประเทศไทยอย่างสนามบินสุวรรณภูมิ ถ้าจะมองในมุมอสังหาริมทรัพย์ ทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอำเภอเมืองสมุทรปราการ ได้แก่ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ โดยส่วนใหญ่เป็นตลาดบ้านมือสอง โดยราคาที่ดินในอำเภอเมืองนี้มีราคาสูงถึง 150,000 บาท/ตร.วา จากการที่เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทั้งภาคอุตสาหกรรม และการมีสถานที่สำคัญอย่างสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้กลุ่มนักลงทุน เจ้าของกิจการทั้งจากในและนอกพื้นที่เข้ามาลงทุน สร้างธุรกิจในพื้นที่ เช่น การค้าบนย่านธุรกิจ กิจการ ร้านค้า ตึกแถว อาคารพาณิชย์ ตลอดถนนในอำเภอเมืองสมุทรปราการ และธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทในพื้นที่อำเภอบางพลีซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินสุวรรณภูมิ